โครงการอบรม “Epson Moverio Experience ” สร้างมุมมองใหม่ด้วยเทคโนโลยีแว่นตาอัจฉริยะเอปสัน ร่วมการถ่ายภาพมุมสูงจากอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) สมาคมส่งเสริมและพัฒนาการถ่ายภาพร่วมกับเครือข่ายนิเทศศาสตร์ EPSON และ DJI 13 STORE กิจกรรมดีๆสำหรับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย เครือข่ายนิเทศศาสตร์ พิเศษสุด!!! เปิดรับบุคคลทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เพียง 20 ที่นั่ง !! ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัด จองก่อนมีสิทธิ์ก่อน!!!

เสวนาเปิดวิสัยทัศน์ด้วยรายละเอียด นำมาซึ่งความแตกต่าง สร้างแรงบันดาลใจ สร้างสรรค์ไอเดีย โดย ผศ.ภคมน ตั้งจิตติเลิศ สาขาศิลปะการถ่ายภาพภาควิชาออกแบบ วิทยาลับเพาะช่างอาจารย์ นท พูนไชยศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านสตูดิโอภาพยนตร์ สถาบันกันตนา และทีมงานEPSON และ DJI 13 STORE

กิจกรรมดีๆสำหรับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมกิจกรรมเครือข่ายนิเทศศาสตร์ วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2562 เวลา 8.30 – 16.00 น. ณ สถาบันกันตนา สตูดิโอ ศาลายา จ.นครปฐม พิเศษสุด!!! เปิดรับบุคคลทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เพียง 20 ที่นั่ง!! ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัด จองก่อนมีสิทธิ์ก่อน กิจกรรมดีๆสำหรับคนรักการถ่ายภาพ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและจองอบรมได้ที่ Line ID : cherryiline

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประกาศความร่วมมือในงานวิจัยระยะเวลาสองปีร่วมกับไอบีเอ็ม เพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยในประเทศไทย โดยสวทช. และไอบีเอ็ม ร่วมด้วยกลุ่มมิตรผล ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับสามของโลกและรายใหญ่ที่สุดในเอเชียที่ให้การสนับสนุนความรู้เฉพาะทางในการวิจัยครั้งนี้ จะนำร่องพัฒนาแดชบอร์ดอัจฉริยะและแอพพลิเคชันบนมือถือ เพื่อช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพของอ้อย ความชื้นของดิน ความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากโรคและศัตรูพืช การคาดการณ์ผลผลิต และดัชนีค่าคุณภาพความหวานของอ้อย (ซีซีเอส) โดยอาศัยเทคโนโลยีเอไอชั้นนำของโลกและข้อมูลสภาพอากาศที่แม่นยำที่สุดในโลกจากเดอะเวเธอร์คอมแพนี (The Weather Company) รวมถึงเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตอ็อฟธิงส์และอนาไลติกส์

อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่ใช้ในการผลิตน้ำตาลและพลังงานชีวภาพในประเทศไทยและทั่วโลก ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองของโลก และมีบทบาทสำคัญในการป้อนน้ำตาลสู่ตลาดโลกโดยมีส่วนแบ่งตลาด 9.4% ในปี 2560 [1] มีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตน้ำตาลได้ 14.1 ล้านเมตริกตันในช่วงปี 2561-2562 โดยเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันนักวิจัยไอบีเอ็มกำลังพัฒนา “อโกรโนมิคอินไซต์แอสซิสแทนท์” (Agronomic Insights Assistant) ซึ่งใช้แพลตฟอร์มไอบีเอ็มวัตสันดีซิชันสำหรับการเกษตร (IBM Watson Decision Platform for Agriculture) ร่วมกับระบบไอบีเอ็มแพร์สจีโอสโคป (IBM PAIRS Geoscope) ซึ่งเป็นการผสานรวมข้อมูลความสัมพันธ์เชิงเวลาและพื้นที่ (เช่น ภาพถ่ายพืชผลจากกล้องหลายช่วงคลื่นที่เก็บภาพมาจากดาวเทียมหลายตัว ข้อมูลดิน ข้อมูลแบบจำลองความสูงของภูมิประเทศในรูปแบบดิจิทัล) ร่วมกับข้อมูลทางการเกษตร (เช่น สุขภาพของอ้อย ระดับความชื้นของดิน พยากรณ์ความเสี่ยงโรคและศัตรูพืช ปริมาณผลผลิต และดัชนีค่าคุณภาพความหวานของอ้อย) โดยใช้โมเดลการพยากรณ์ที่แม่นยำจากเดอะเวเธอร์คอมแพนี จากนั้นจึงนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ร่วมกับเทคโนโลยีการสำรวจเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับการปรับและพัฒนาให้เหมาะกับการทำไร่อ้อยในประเทศไทยโดยสวทช. และความรู้เฉพาะทางด้านการเกษตรจากกลุ่มมิตรผล เพื่อกลั่นกรองเป็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาวะการขาดน้ำและอาหารที่ส่งผลต่อการเติบโตของอ้อย ความเสี่ยงของโรคและศัตรูพืช ตลอดจนปริมาณผลผลิตทางการเกษตรและดัชนีคุณภาพของอ้อย

ทั้งนี้ จะมีการนำร่องใช้อโกรโนมิคอินไซต์แอสซิสแทนท์ในช่วงกลางปีนี้บนไร่อ้อยขนาดไม่เกินหนึ่งล้านตารางเมตรจำนวน 3 ไร่ โดยเมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จะช่วยประเมินและจัดการความเสี่ยงต่างๆ ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะนำไปสู่ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่พยากรณ์ล่วงหน้าได้สูงสุดสองสัปดาห์ ร่วมด้วยการแจ้งเตือนเกี่ยวกับโรคและศัตรูพืชอย่างหนอนเจาะลำต้นข้าวและความเสี่ยงที่จะเกิดโรคใบขาว และการพยากรณ์อากาศระยะสั้นตามฤดูกาลแบบเจาะจงพื้นที่ คาดว่าจะช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้อย่างเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นการทดน้ำและระบายน้ำ การใส่ปุ๋ย และการกำจัดศัตรูพืช เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจนำไปสู่การสูญเสียผลผลิต

“ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับประเทศ สวทช.   มีความมุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับการวิจัยและการพัฒนาของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอาหารและการเกษตร ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจหลายพันล้านบาทต่อปี และยังคงเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตของคนไทย” ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของประเทศไทย และ สวทช. มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มมิตรผลและผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยไอบีเอ็ม เพื่อร่วมกันสร้างเกษตรกรรมยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยเริ่มต้นที่การทำไร่อ้อยในประเทศไทย”

“กลุ่มมิตรผลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการวิจัยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผลผลิตอ้อยทั้งในด้านของคุณภาพและปริมาณซึ่งจะนำไปสู่ความยั่งยืนของทุกภาคส่วนที่อยู่ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล” รศ.ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอต Head of Innovation and Research Development Institute กลุ่มมิตรผล กล่าว “การร่วมมือกับสวทช. รวมถึงการนำเทคโนโลยีเอไอ การสำรวจระยะไกลผ่านดาวเทียม และระบบพยากรณ์อากาศขั้นสูงของไอบีเอ็มมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำไร่อ้อย จึงนับว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการทำเกษตรแม่นยำ (Precision Farming) ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการปรับเปลี่ยนให้เกษตรกรไทยก้าวสู่การทำเกษตรสมัยใหม่ หรือ Modern Farming
ได้รวดเร็วขึ้น ทั้งยังสร้างประโยชน์ให้กับภาคเกษตรกรรมของไทยอย่างยั่งยืน”

“ไอบีเอ็มภูมิใจที่ได้ร่วมทำวิจัยภายใต้เป้าหมายในการนำข้อมูลเชิงลึกเข้าเป็นเครื่องมือเสริมศักยภาพการทำไร่อ้อยของไทย และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมหลักอย่างหนึ่งของประเทศ อันเป็นการสนับสนุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของไทย” นางสาวปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าว “การผนึกจุดแข็งของสวทช. และไอบีเอ็มในด้านการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้บิ๊กดาต้า อนาไลติกส์ เอไอ และอินเตอร์เน็ตอ็อฟธิงส์ เข้ากับความรู้เชิงลึกด้านการเกษตรของกลุ่มมิตรผล เป็นการพลิกโฉมแนวปฏิบัติของหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เก่าแก่ที่สุด และแสดงให้เห็นถึงก้าวย่างใหม่ของเกษตรกรรมอัจฉริยะในประเทศไทย”

“ปัจจัยต่างๆ อย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ประชากรที่เพิ่มขึ้น และความกังวลด้านความมั่นคงทางอาหาร ล้วนเป็นตัวผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐต้องแสวงหาโมเดลการทำงานร่วมกันรูปแบบใหม่บนพื้นฐานของข้อมูลและนวัตกรรมใหม่ๆ” แคทรีน กวารินี รองประธานฝ่ายวิจัยอุตสาหกรรม สถาบันวิจัยไอบีเอ็ม กล่าว “สถาบันวิจัยไอบีเอ็มหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในลักษณะเดียวกันนี้เพิ่มเติมในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก”

เอสซีจี โลจิสติกส์ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Digital Driven Logistics เดินหน้าใช้เทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ Object Recognition, Robotic Process Automation (RPA) และ Chatbot ตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมขยายการให้บริการสู่ตลาดอาเซียน และจีน ตั้งเป้าสร้างยอดขาย 22,000 ล้านบาท ในปี 2562 หรือเติบโตร้อยละ 12 พร้อมตอบโจทย์กลุ่ม SMEs มุ่งเป็น One Stop Logistics Solution อย่างครบวงจร ด้วยบริการ Fulfillment by SCG Logistics ที่ให้บริการจัดเก็บ บรรจุหีบห่อ และจัดส่งสินค้าทุกขนาด สามารถรับบริการผ่าน  www.scglogistics.co.th

นายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจโลจิสติกส์เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ เช่น สภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัว เนื่องมาจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และการส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเติบโตของตลาด E-commerce ที่มีผู้ประกอบการรายใหม่จำนวนมากในตลาด ส่งผลให้มีการแข่งขันที่รุนแรงเช่นเดียวกัน โดยเอสซีจี โลจิสติกส์ มีการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.5 ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

จากปัจจัยดังกล่าว เอสซีจี โลจิสติกส์ในฐานะผู้นำด้านการขนส่ง และโลจิสติกส์ ที่ให้บริการอย่างครบวงจร (End to End Service) มีความพร้อมก้าวสู่ธุรกิจในรูปแบบ Digital Driven Logistics ด้วยการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลที่นำสมัยมาใช้ในกระบวนการให้บริการตลอดทั้ง Supply Chain อาทิ Object Recognition, Robotic Process Automation (RPA), Chatbot เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตลอดกระบวนการทำงาน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เกิดความถูกต้อง รวดเร็ว และปลอดภัย อีกทั้ง ยังช่วยบริหารต้นทุนให้มีอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการให้บริการลูกค้าทั้งภายในและภายนอกเอสซีจี ทั้งในประเทศไทย อาเซียน และ จีน โดยในปี 2562 นี้ เอสซีจี โลจิสติกส์ ตั้งเป้าสร้างยอดขาย 22,000 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 12

สำหรับเทคโนโลยีดิจิทัลด้านการบริการโลจิสติกส์ที่ เอสซีจี โลจิสติกส์ นำมาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและบริการลูกค้าตลอดทั้ง Supply Chain เช่น เทคโนโลยี Robotic Process Automation  (RPA) หรือ ระบบการจัดการข้อมูลภายในคลังสินค้าที่ช่วยบันทึกข้อมูล เอกสารต่างๆ เพื่อความรวดเร็ว ถูกต้อง ตลอด 24 ชั่วโมง เทคโนโลยี Object Recognition หรือ ระบบตรวจจับและวิเคราะห์วัตถุ โดยระบบสามารถตรวจจับตัวเลขข้างรถเพื่อบันทึก และตรวจสอบความถูกต้องของรถขนส่ง เทคโนโลยี Route Optimization หรือ ระบบการจัดการเส้นทางการจัดส่ง เพื่อช่วยคำนวนเส้นทางที่รวดเร็ว และสามารถตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ และ Chatbot ที่สามารถโต้ตอบผ่านทางสมาร์ทโฟน เพื่อความสะดวก และสร้างความมั่นใจในการจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ตรงตามเวลาที่กำหนด

นอกจากนี้ ด้วยการเติบโตของธุรกิจ E-commerce ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 3.2 ล้านล้านบาท และพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) จำนวนมากในยุคดิจิทัล และมีความต้องการด้านการจัดการโลจิสติกส์ที่ครบวงจร เอสซีจี โลจิสติกส์ เห็นถึงโอกาสดังกล่าว จึงได้นำเสนอบริการ Fulfillment by SCG Logistics ในรูปแบบ One Stop Logistics Solution ช่วยผู้ประกอบการออนไลน์ให้เติบโต ด้วยบริการจัดการคลังจัดเก็บสินค้า บรรจุหีบห่อ และจัดส่งสินค้าทุกขนาด ตั้งแต่สินค้าขนาดเล็ก เช่น เครื่องสำอาง จนถึงสินค้าขนาดใหญ่ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอรขนาดใหญ่ อีกทั้ง ยังมีบริการเสริม (Value Added Service) ที่ช่วยตอบสนองความต้องการพิเศษของลูกค้า ได้แก่ บริการบรรจุสินค้าตามความต้องการของลูกค้า (Customize) เช่น แนบการ์ด ผูกโบว์ ก่อนบริการจัดส่ง บริการ White Glove ส่งและติดตั้งสินค้ามูลค่าสูงที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ บริการ Reverse Logistics รับสินค้ากลับโรงงงาน หรือนำมาซ่อมเบื้องต้น รวมถึงบริการเสริม Data Analytic วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถตรวจเช็คสต็อคสินค้า และสถานะสินค้าได้จากระบบออนไลน์”

“โพลีเฮอร์บ” ยกทัพนักธุรกิจกว่า 1,000 คน เยี่ยมชมอาณาจักรคุ้มแสนสุข จ.เชียงราย พร้อมเผยผลประกอบการปี 2561 และทิศทางการดำเนินธุรกิจในเชิงรุกของปี 2562 อีกทั้งยังได้เปิดตัวทีมผู้บริหารชุดใหม่ โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2562 ทำยอดขาย 1,000 ล้านบาท

นายทองเปลว ศิริพรพิทักษ์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท มิลลิเมด จำกัด และประธานที่ปรึกษา บริษัท โพลีเฮอร์บ เน็ตเวิร์ค จำกัด และ ดร.สุภัตรา แปงการิยา ประธานบริหาร บริษัท โพลีเฮอร์บ เน็ตเวอร์ค จำกัด ยกทัพนักธุรกิจกว่า 1,000 คนเยี่ยมชม “อาณาจักรคุ้มแสนสุข” บนพื้นที่ 2,500 ไร่ ณ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย

โดย โพลีเฮอร์บ เน็ตเวอร์ค ได้จัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้ชื่อ "Poly Herb ร้อยใจพันดาว" เพื่อต้อนรับคณะผู้ร่วมงาน พร้อมเผยผลประกอบการปี 2561 และทิศทางการดำเนินธุรกิจในเชิงรุกของปี 2562 ตั้งเป้ายอดขาย 1,000 ล้านบาท อีกทั้งยังได้เปิดตัวทีมผู้บริหารชุดใหม่ เตรียมรุกหนักด้วยการเปิดแผนกคอลเซ็นเตอร์รับมือสมาชิกที่เติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ 40,000 รหัส คาดสิ้นปีนี้ทำได้ 100,000 รหัส วางแผนเปิดซุปเปอร์โมบาย 1 อำเภอ 1 ซุปเปอร์โมบาย ทำหน้าที่สาขาย่อย เริ่มปีนี้ 100 แห่งทั่วประเทศ พร้อมนำผลิตภัณฑ์ขึ้นทะเบียนฮาลาลขยายฐานกลุ่มมุสลิม รวมทั้งใช้การประชาสัมพันธ์ธุรกิจออกสู่วงกว้างมากขึ้น

โดยภายในงานมีการแสดง แสง สี เสียง การแสดงศิลปะล้านนาร่วมสมัยจากทัพนักแสดงกว่า 100 คน และการแสดงจากศิลปินลูกทุ่งชื่อดัง “หญิงลี ศรีจุมพล” ที่มามอบความบันเทิง สร้างรอยยิ้ม อย่างสนุกสนาน ปิดท้ายด้วยกิจกรรมจับรายชื่อผู้โชคดี แจกรางวัลต่างๆ มากมาย

นอกจากนี้ โพลีเฮอร์บ เน็ตเวอร์ค ยังได้ทำการมอบลูกฟุตบอลจำนวน 200 ลูก แก่สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เพื่อสนับสนุนกิจกรรมกีฬาของเยาวชนในจังหวัดเชียงราย โดยมี “โค้ชเอก เอกพล จันทะวงษ์ ทีมหมูป่าอคาเดมี่” เป็นตัวแทนในการรับมอบลูกฟุตบอล และในโอกาสเดียวกัน โพลีเฮอร์บ เน็ตเวอร์ค ได้มอบทุนสนับสนุนกิจกรรมมูลค่า 50,000 บาท แก่วงโยธวาทิต โรงเรียนอนุบาลเชียงของ จังหวัดเชียงราย อีกด้วย

โออิชิ อีทเทอเรียม” (OISHI EATERIUM) นิยามใหม่ของร้านอาหารญี่ปุ่น เอาใจคนรักอาหารญี่ปุ่น คอซูชิ พร้อมเสิร์ฟเมนูพิเศษ!! 2 สุดยอดซูชิเนื้อวัว ที่โดดเด่นด้วยรสชาติเข้มข้นจาก ฮารามิ (Harami) หรือเนื้อพื้นท้อง...เนื้อนุ่ม มันน้อย สัมผัสรสชาติที่พาคุณเดินทางสู่ญี่ปุ่นผ่านซูชิหน้าใหม่ ๆ ทั้ง “นิกุสไปซี่ ซูชิ” (Niku Spicy Sushi) ข้าวปั้นหน้าเนื้อฮารามิผัดซอสพริกญี่ปุ่น และ “ทามาโกะนิกุ ซูชิ” (Tamago Niku Sushi) ข้าวปั้นหน้าเนื้อฮารามิผัดซอสยากินิกุ และไข่นกกระทา อร่อยได้ไม่อั้นที่ โออิชิ อีทเทอเรียม ทุกสาขา ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 – 31 มีนาคม 2562 เท่านั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมคลิกแฟนเพจโออิชิฟู้ดสเตชั่น: www.facebook.com/OishiFoodStation หรือค้นหาสาขาใกล้บ้านคลิกโออิชิฟู้ดดอทคอม: www.oishifood.com

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดย คุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ ประกาศเดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 70 ด้วยการส่งมอบพลังความรักให้ชุมชนสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการสร้างฐานรากที่มั่นคงทางอาชีพและรายได้ โดยในปี 2562 ได้ดำเนินโครงการ “ไทยสมุทร รักชุมชนไทย” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6  ภายใต้เจตนารมย์ “ปั้นแบรนด์ไทย ไปอินเตอร์”

ด้วยการคัดเลือกชุมชนภายในโครงการที่มีศักยภาพ นำมาพัฒนาอาชีพอย่างเจาะลึก ด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นจากวิทยากรมืออาชีพ ตั้งแต่กระบวนการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับความสามารถและทักษะของสมาชิกในชุมชน ในขณะที่ยังคงดำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของชุมชน ทำให้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มจักสานจากต้นคล้า บ้านโนนสะอาด อำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี ภายใต้แบรนด์ “มือดี” ได้รับการคัดเลือกให้จัดแสดงผลงาน และร่วมแฟชั่นโชว์ในงาน Bangkok Design Week 2019 จัดโดย Thailand Creative & Design Center (TCDC) ด้วยการยกระดับงานจักสานกระติ๊บข้าวในรูปแบบเดิม ๆ ปรับเปลี่ยนแนวคิดเป็นกระเป๋าดีไซน์เก๋ ทำให้ได้รับการยอมรับในวงกว้าง

 

OCEAN LIFE ไทยสมุทร ยังคงมุ่งมั่น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์จากชุมชน ด้วยการผลักดันให้เป็นผลิตภัณฑ์ระดับประเทศ ที่สามารถก้าวไกลสู่ระดับโลกได้ในอนาคต สร้างชุมชนที่เข้มแข็ง ตอกย้ำการส่งผ่านความรัก และความปรารถนาดีให้กับชุมชนทั่วไทยต่อไป

ทีเอ็มบี หรือ ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวกลยุทธ์เดินหน้ายกระดับผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนไทยภายใต้ “TMB Strive MORE for You to Get MORE : ทีเอ็มบี พยายามมากกว่าเพื่อให้คุณได้มากกว่า”

โดยนายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงการพยายามตั้งคำถามเพื่อค้าหาคำตอบที่ตรงใจ พัฒนาโซลูชั่นที่ดีกว่า ตั้งเป้าหมายให้เกิดการบริการที่ครอบคลุม ทำให้ที่ผ่านมา ทีเอ็มบี กลายเป็นสถาบันการเงินที่ก้าวหน้าเป็นผู้นำหลายๆ แนวคิดที่ช่วยขับเคลื่อนคนไทยให้เดินหน้าไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกให้ทันและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

10 ปีที่ผ่านมาโลกหมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วกกว่าที่เคย นางณัฐวรรณ อภิรัตนพิมลชัย หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริหารกลุ่มลูกค้าบุคคลระดับกลาง ทีเอ็มบี กล่าวถึงสิ่งต่างๆ รอบตัวที่เข้ามาเป็นปัจจัยหลักส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ทุกความต้องการต้องง่ายและตรงใจ ทีเอ็มบี จึงมุ่งเน้นการพัฒนา 3 ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี (TMB All Free) ทีเอ็มบี ทัช (TMB Touch) และ ทีเอ็มบี สมาร์ท พอร์ต (TMB Smart Port) เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มความคล่องตัวในการใช้ชีวิต ได้รับสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าและสามารถสร้างความมั่งคงในระยะยาวให้ลูกค้าได้

ท่องเที่ยวปลอดภัยไร้กังวลกับ ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี (TMB All Free)

นายชวมนต์ วินิจตรงจิตร หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์ธุรกรรมธนาคาร เผยถึงโซลูชั่นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์นักเดินทาง ซึ่งบ่อยครั้งต้องปวดหัวกับการแลกเงิน ต้องพกเงินสดไปต่างประเทศจำนวนมากจนกังวลเพราะกลัวถูกโจรกรรม เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ยุ่งยากและทำให้เสียเวลา ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพราะ ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี (TMB All Free) บัตรเดียวสามารถพกไปใชจ่ายในต่างประเทศได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน 2.5% (FX Rate) เท่ากับว่ารูดเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น เพียงเดือนเดียวที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้ก็ทำให้ยอดใช้จ่ายในต่างประเทศผ่านบัตรเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า มีการใช้จ่ายใน 117 ประเทศ จาก 166 สกุลเงินที่ให้บริการ และในวันที่ 6 มีนาคม 2562 ลูกค้าจะสามารถออกบัตร TMB All Free ที่มีชื่ออยู่บนบัตรหรือออกบัตรสำรองได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน มีการเพิ่มวงเงินใช้จ่ายสูงสุดให้จุใจถึง 2 ล้านบาท และในช่วงตั้งแต่ 1 มีนาคม – 31 ธันวาคม 2562 ลูกค้านักเดินทางจะได้รับความคุ้มครองจากการเดินทาง (Travel Insurance) ในวงเงิน 1,000,000 บาททันที นอกจากนี้ยังเพิ่มสิทธิประโยชน์ประกันคุ้มครองวงเงินในบัญชีกรณีอุบัติเหตุให้กับลูกค้าที่มีบัญชีและบัตรเดบิต ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี ทุกคนกว่า 3 ล้านบัญชีโดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันใดๆ เพิ่มเติม

ลงทุนจัดพอร์ตง่ายกว่าที่คิดด้วย ทีเอ็มบี สมาร์ท พอร์ต (TMB Smart Port)

นางกิดาการ ชัฎสุวรรณ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทีเอ็มบี กล่าวถึงสถิติที่พบว่ามีคนไทยเพียง 1 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 70 ล้านคนที่มีเงินเก็บไว้ใช้หลังเกษียณ ซึ่งถือเป็นอัตราที่น้อยมาก โดยสาเหตุที่ทำให้คนไทยมีเงินไม่เพียงพอเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นลงทุนอย่างไร ทีเอ็มบี จึงมองเห็นปัญหาในส่วนนี้และต้องการเข้ามาช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น สามารถสร้างโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเป็นพาร์ทเนอร์จาก บจล.ระดับโลก มาคอยช่วยจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมมีประสิทธิภาพ ทีเอ็มบี สมาร์ท พอร์ต (TMB Smart Port) เป็นบริการด้านการลงทุนระดับ Private Wealth ที่จะมาช่วยให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการจัดพอร์ตได้มากขึ้น โดยมีความร่วมมือระหว่าง TMB และ Amundi บริษัทจัดการกองทุนระดับโลก ซึ่งจะมีการผสมผสานเทคโยโลยีเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนทำให้ได้เป็น Total Solution ที่ช่วยจัดสรรการลงทุนให้สอดคล้องกับทุกสถานการณ์ตลาดโดยมีเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 100,000 บาทเท่านั้น

โมบายล์แบงก์กิ้งแอปพลิเคชันเสริมประสบการณ์ให้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้นจาก ทีเอ็มบี ทัช (TMB Touch)

นายสหชัย ลิ้มอำไพ เจ้าหน้าที่บริหาร บริหารช่องทางบริการดิจิทัล เผยถึงการพัฒนาการใช้บริการที่หลากหลาย เสริมประสบการณ์การใช้งานที่ดีและมุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ ทีเอ็มบี ทัช (TMB Touch) โดยถือเป็นแบงก์กิ้งแอปพลิเคชันที่มีความปลอดภัยสูง มีการใช้ระบบ Bot เฝ้าระวังระบบตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลาและแก้ไขเมื่อเกิดปัญหาได้ทันที ตั้งเป้าเพิ่มความเร็วการใช้งานจาก 5 วินาทีเหลือเพียง 2 วินาที พร้อมกับความสามารถในการรองรับลูกค้าที่จะเข้ามาในอนาคตได้มากถึง 3 เท่า ผ่านการออกแบบหน้าจอด้วยหลัก 3 ง่าย คือ รูปแบบเรียบง่าย หาเจอง่าย และใช้งานง่าย พ่วงมาด้วยบริการคะแนนสะสม ทีเอ็มบี ว้าว (TMB WOW) และรางวัลทรงเกียรติจากสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย “TAB Digital Inclusive Awards” ที่เป็นเครื่องการันตีถึงความมุ่งมั่นที่ต้องการจะทำให้ผู้ใช้บริการทุกคนได้รับความสะดวกสบายจาก ทีเอ็มบี ทัช (TMB Touch)

ปิดท้ายงานด้วยการตอกย้ำปรัชญาของทีเอ็มบี Make THE Difference นายรูว์ ไฮซ์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ทีเอ็มบี ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้คุณภาพชีวิตของทุกคนดีขึ้น โดยได้ศึกษาพฤติกรรมทางการเงินของคนไทยและพบว่าข้อมูลที่น่าสนใจว่า คนไทย 5 ใน 10 คนเท่านั้นที่มีเงินเพียงพอหลังเกษียณ 6 ใน 10 คนยังไม่มีกรรมธรรม์ประกันชีวิต และกว่า 9 ใน 10 คนยังไม่มีการลงทุนเพื่อให้งอกเงยใดๆ ทำให้เห็นว่าคนไทนยังขาดหลักประกันพื้นฐานของตัวเองและลูกค้าก็อาจจะยังไม่ตระหนักถึงสิ่งที่เขาควรมี ดังนั้น ทีเอ็มบี ในฐานะสถาบันทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าโดยตรง จึงต้องการที่จะให้กลุ่มลูกค้าที่ยังไม่มีตัวช่วยทางการเงินเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการเงินได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยในปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา ทีเอ็มบี ได้มอบดอกเบี้ยส่วนต่างที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปให้ลูกค้ากว่า 2,400 ล้านบาท มอบความคุ้มครองผ่าน ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรีแล้ว 625,000 ล้านบาท และ ทีเอ็มบี ทัช ที่ช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาในการทำธุรกรรมต่างๆ ได้มากถึง 12,500 ปี ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอนาคตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและทำให้ลูกค้าได้รับสวัสดิภาพทางการเงินอย่างมั่นคง

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายสุรชัย รัศมี (ที่ 2 จากขวา) รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “เกษตรกรยุคใหม่ ก้าวไกลในตลาดโลก (Smart Farmer to Global)” ส่งเสริมความรู้แก่ผู้ประกอบการภาคการเกษตรด้านการส่งออกและกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงในการส่งออก พร้อมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพิ่มโอกาสขยายการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้

นางสาวศุลีพร ยงวิทิตสถิต ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรและกิจกรรมทางการตลาด บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยพนักงานจิตอาสา ร่วมจัดกิจกรรมมอบความสุข สร้างกำลังใจให้แก่น้องๆนักกีฬาพิเศษ ณ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกรุงเทพ โดยพนักงานจิตอาสาได้ร่วมกันทำกิจกรรม พร้อมเลี้ยงอาหารกลางวัน ให้แก่น้องๆนักกีฬาพิเศษ ที่อยู่ระหว่างการเก็บตัวเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขัน  Special Olympics World Games 2019 ณ เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและรอยยิ้ม

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองครบรอบ30 ปีตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจด้านถ่ายภาพแบบครบวงจรเปิดนิทรรศการภาพถ่าย “Power of Print ให้รูปนี้มีความหมาย” Global Photo Exhibition ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปได้บอกเล่าเรื่องราว สะท้อนภาพถ่ายที่สัมผัสได้ถึงพลัง มุมมองต่างๆ และกระตุ้นให้คนไทยรักการปริ้นท์ภาพเพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวที่ผ่านมาเพราะรูปภาพคือการจดจำที่วิเศษสุดในทุกช่วงเวลาที่สวยงามและยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจถึงคุณค่าของภาพถ่ายซึ่งนิทรรศการ Power of Print ได้รวบรวมผลงานภาพถ่ายของศิลปิน ดารา เซเลบริตี้ ที่มีชื่อเสียง ช่างภาพระดับแถวหน้าของเมืองไทย และผู้ที่รักการถ่ายภาพมาถ่ายทอดผลงานผ่านภาพถ่าย มากกว่า5,000 ภาพสร้างปรากฏการณ์พลังแห่งภาพถ่ายในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของฟูจิฟิล์มประเทศไทยที่ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่หลงใหลการถ่ายภาพได้แสดงผลงานของตัวเองผ่านนิทรรศภาพถ่ายในครั้งนี้

มร.ซึโตมุ วาตะนาเบ้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฟูจิฟิล์มได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับด้านการถ่ายภาพ เป็นเวลามากกว่า 80 ปี ซึ่งเริ่มผลิตฟิล์ม กระดาษอัดภาพ และอุปกรณ์เพื่อการถ่ายภาพในญี่ปุ่นมานานภายใต้สโลแกน ของบริษัท “Value from Innovation” นวัตกรรมอันทรงคุณค่า ซึ่งหมายความว่า ฟูจิฟิล์ม ได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูง พัฒนาสินค้าและบริการที่ดีที่สุดสู่ผู้บริโภคมาโดยตลอด  พร้อมการรองรับตลาดและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว   ดังนั้นนวัตกรรมการพัฒนาทางด้านดิจิตอลปริ้นท์ติ้งของฟูจิฟิล์ม จึงดำเนินตามปรัญญา Culture of Photography” ที่เป็นเอกลักษณ์ของฟูจิฟิล์ม  และถ่ายทอดถึง “รูปภาพคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะสามารถสะท้อนถึงวัฒนธรรมของมนุษย์ และรูปภาพคือการจดจำที่วิเศษสุดในทุกช่วงเวลาที่สวยงามและดีเยี่ยมในชีวิต” โดยที่บริษัทฟูจิฟิล์มประเทศญี่ปุ่นได้ส่งเสริมการปริ้นท์ติ้ง จัดนิทรรศการ Global Photo Exhibition ระดับโลก และจัดนิทรรศการภาพถ่ายขึ้นที่หลายประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น เยอรมัน อเมริกา แคนาดา สเปน มาเลเซีย ในปีที่แล้ว และปีนี้ สำหรับประเทศไทย ได้จัดนิทรรศการภาพถ่าย “Power of Print ให้รูปนี้มีความหมาย” นี้เป็นครั้งแรก  ในช่วงวันที่ 21-24 กุมภาพันธ์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้รับเกียรติจากศิลปินดารา เซเลบริตี้ ที่มีชื่อเสียงช่างภาพระดับแถวหน้าของเมืองไทยและผู้ที่สนใจเรื่องการถ่ายภาพส่งภาพมาแสดงนิทรรศการ มาร่วมใจกันถ่ายทอดเรื่องราวที่แตกต่างอย่างมีศิลปะ สะท้อนมุมมองที่หลากหลายผ่านภาพถ่ายจำนวนมากกว่า5,000 ภาพที่สัมผัสได้ถึงพลังและความรู้สึก กระตุ้นให้คนไทยรักการปริ้นท์ภาพเพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวต่างๆ ไว้ แทนความประทับใจ และความทรงจำซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

นางสาวสภารัตน์ ประดิษฐ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด แผนกโฟโต้อิมเมจจิ้ง บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การจัดนิทรรศการภาพถ่ายในครั้งนี้ เราได้เปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจเพียงนำรูปถ่ายที่คุณชื่นชอบ ภายใต้ความหมาย Power of Print โดยสามารถใช้กล้องดิจิตอลยี่ห้อใดก็ได้นำภาพไปปริ้นท์ลงบนกระดาษสีฟูจิฟิล์ม ขนาด 8x10 นิ้วหรือ8x12 นิ้วที่ร้าน Wonder Photo Shop, ร้าน FUJIFILM Photo Station(FPS) และร้านอัดรูปที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ซึ่งได้รวบรวมผลงานจากผู้ที่สนใจ มานำเสนอผ่านงาน Photo Exhibition โดยเริ่มเปิดรับภาพตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561- 13 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา

โดยมีเป้าหมายให้คนไทยกลับมารักการปริ้นท์ภาพเพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ แทนความประทับใจและความทรงจำกันมากขึ้น เพราะปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมShare ภาพผ่าน Social Mediaเท่านั้น แต่ถ้าเราได้ปริ้นท์ภาพเก็บไว้ยังสามารถนำภาพมาชื่นชม และรำลึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ประทับใจ ซึ่งถือว่าเป็นการบันทึกความทรงจำที่ควรจะเก็บรักษาไว้

การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ฟูจิฟิล์มในประเทศไทยได้จัดขึ้น โดยจัดบนเนื้อที่กว่า 1,800 ตารางเมตร ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เพื่อแสดงถึงพลัง การสร้างแรงบันดาลใจให้คนหันกลับมารักการปริ้นท์ภาพมากขึ้น และกระตุ้นให้ตลาดการปริ้นท์ภาพกลับมาคึกคักอีกครั้งนิทรรศการภาพถ่ายนี้ได้รวบรวมผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงในประเทศมาจัดแสดงมากมาย อาทิอาจารย์วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพถ่าย) ปี 2552 ดร.สงคราม โพธิ์วิไล ศิลปินนักถ่ายภาพไทย/ผู้ทรงคุณวุฒิทางการถ่ายภาพไทย คุณอิสระ เสมือนโพธิ์, คุณธาดา วารีช  รวมไปถึงนักแสดงชื่อดังอย่างคุณเจมส์ จิรายุ,คุณซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, คุณแป้งโกะ จินตนัดดา, คุณอนันดา  เอเวอริ่งแฮม, คุณปั๊ป โปเตโต้ และศิลปิน BNK48 อื่นๆ อีกมากมายได้นำผลงานมาร่วมจัดแสดงในครั้งนี้ด้วยรวมไปถึงภาพ Top 100 Celebrity Selection ที่ให้เหล่าเซเลบริตี้ คนดังช่วยกันคัดเลือกภาพ 100 ภาพ ที่ให้พลังและสร้างแรงบันดาลใจมาจัดนิทรรศการอีกด้วย

นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมายตลอด 4 วันอาทิเช่นGFX workshopจากช่างภาพแฟชั่นมืออาชีพ คุณจอร์จ ธาดา และ Couple Portrait จากคุณโอ๊ต ชัยสิทธิ์ ร่วมพูดคุย สนุกกับการถ่ายภาพ Instax กับ คุณเมทัล  และ คุณกุ๊บกิ๊บ(สุมณทิพย์)  และมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังอย่างวง Scrubb, BNK48 และ POTATO พร้อมกันนี้ ยังมีกิจกรรมถ่ายภาพ Fujifilm Photo Charity ที่เชิญชวนให้ทุกท่านได้ถ่ายภาพ เป็นการกุศล โดยรายได้ทั้งหมดจะนำไปบริจาคสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล และมูลนิธิเล็ทส์ บีฮีโร่ (Let’s be Heroes) ของคุณหมอเจี๊ยบ ลลนา  สามารถเข้าชมนิทรรศการแสดงผลงานภาพถ่าย ได้ตั้งแต่วันที่ 21-24 กุมภาพันธ์ 2562 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้บริษัทฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02-270-6000 ต่อ463 หรือ www.fujifilm-th.com/PowerofPrint

X

Right Click

No right click