การวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญ และหนึ่งในหัวใจที่สำคัญ คือ การรู้จักตัวตนทางการเงินของตนเอง เพราะช่วยให้สามารถคุม ปรับ และพัฒนาพฤติกรรม หรือนิสัยทางการเงินของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รู้จักตัวตนทางการเงินของตัวเอง ดีอย่างไร?

รู้จักตัวตนทางการเงินของตัวเอง ดีอย่างไร?

1. รู้จักสไตล์การใช้จ่ายของตนเอง : หลายคนยังไม่รู้ว่าตัวเองมีลักษณะการใช้จ่ายแบบไหน หรือไม่ได้วางแผนการใช้เงินอย่างจริงจังมากนัก ทำให้การออมเงินเป็นเรื่องยาก ใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือน เงินเดือนเข้าปุ๊บหมดปั๊บ ถ้าอยากให้ปัญหานี้หมดไป ต้องเริ่มต้นที่การรู้จักลักษณะการใช้เงินของตัวเองก่อน เพื่อให้วางแผนรายรับ-รายจ่าย ควบคุมให้ใช้จ่ายตามกำลัง ไม่เกินตัว เพื่อสภาพคล่องทางการเงินที่ดี

2. รู้วิธีออมเงินให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ : เพื่อการเงินที่มั่นคงขึ้น ควรมีเงินออม และเงินสำรองเผื่อไว้ตลอดในทุกช่วงชีวิต เช่น ออมก่อนใช้อย่างน้อย 20% ของรายรับ นอกจากนี้ เงินก้อนแรกที่ควรออมไว้คือ เงินสำรองฉุกเฉิน ควรมีอย่างน้อยประมาณ 6-12 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน หรือสำรองเผื่อไว้สำหรับ 6-12 เดือนนั่นเอง

3. รู้ถึงความพร้อมด้านการลงทุน และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ : บางคนไม่รู้ว่าตัวเองรับความเสี่ยงในการลงทุนได้มาก-น้อยแค่ไหน ประเมินพฤติกรรมตัวเองผิดไป ทำให้ต้องพลาดท่าในสนามลงทุน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนประเภทไหน ควรรู้ถึงระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ เพื่อให้สามารถเลือกลงทุนในแบบที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

หากใครที่ยังไม่รู้จักตัวตนทางการเงินของตัวเอง ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ขอแนะนำตัวช่วย หรือเครื่องมือค้นหาตัวตนทางการเงิน “fintools ตอนนักกีฬาการเงิน” ที่จะชวนมาค้นหาตัวตนทางการเงิน ด้วยการทำแบบทดสอบผ่านเว็บไซต์ทีทีบี คลิก [https://www.ttbbank.com/fintools/16characters]

โดยการ ค้นหาตัวตนทางการเงิน จะทำให้รู้จักว่าตัวเองมีพฤติกรรมทางการเงินเป็นอย่างไร ผ่าน 16 คาแรคเตอร์นักกีฬา ที่แบ่งตามสไตล์การใช้จ่าย การเก็บออม และความพร้อมในการลงทุน รวมถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ตัวอย่างเช่น

เมื่อลองเล่น “fintools นักกีฬาการเงิน” แล้ว ได้ผลลัพธ์เป็นนักปีนเขา “ชอบสำรวจสิ่งใหม่ ๆ ค้นคว้าจนแน่ใจ แล้วค่อยก้าวเดิน น่าจะได้รับความเสี่ยงได้ในระดับ 3”

· สไตล์ในการใช้จ่าย..ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า

· การวางแผนเก็บออมเงิน..คุณทำได้ดีในเรื่องนี้ และมีแนวโน้มสูงที่จะมีความมั่นคงทางการเงินในอนาคต

· ความพร้อมในการลงทุนเพื่ออนาคต..คุณเป็นคนรับความเสี่ยงได้..ค่อนข้างมาก (ระดับ 3) ชอบเปิดรับโอกาสดี ๆ ในสถานการณ์ที่หลากหลายเพื่ออนาคตที่มั่นคง

การเริ่มต้นค้นหาตัวตนทางการเงิน จึงเป็นจุดตั้งต้นให้ตระหนัก และเห็นความสำคัญของการวางแผนสุขภาพทางการเงิน ทำแบบทดสอบ fintools ได้แล้ววันนี้ ง่าย ๆ เพียง 5 นาที ผ่านช่องทางเว็บไซต์ https://www.ttbbank.com/fintools/16characters

KBank Private Banking เห็นสัญญาณบวกในภาคการลงทุน จากที่ตลาดทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน ส่งผลให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มกลับมา แต่ความผันผวนโดยเฉพาะความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่ในระดับสูง แนะนักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุน ชู 3 กองทุนผสมภายใต้ K-ALLROAD Series* กองทุนอัจฉริยะที่กระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย มาพร้อมปรับพอร์ตอัตโนมัติโดยยึดความเสี่ยงของสินทรัพย์เป็นหลัก จึงสร้างผลตอบแทนได้อย่างมั่นคงและควบคุมการขาดทุนได้ในทุกสภาพเศรษฐกิจ เผยเป็นซีรีส์กองทุนที่ลูกค้าตอบรับดี ระดมเงินลงทุนไปได้แล้วกว่า 6.3 พันล้านบาท **

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “บรรยากาศโดยรวมของการลงทุนในต้นปี 2566 นี้ปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นโลก MSCI World Index ที่มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 (YTD Returns) ที่ 4.16% อย่างไรก็ดี ยังมีหลายปัจจัยความเสี่ยงที่ต้องจับตา จากการประเมินของ Lombard Odier ค่าความผันผวนในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 78% ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการฟื้นตัวของราคาสินทรัพย์ยังมีความเสี่ยงและยังไม่มีเสถียรภาพนัก อย่างไรก็ดี ดัชนีชี้วัดความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ (Risk Appetite) จากการประเมินของ Lombard Odier ปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกันมาอยู่ที่ระดับ 83% ถือว่าอยู่ในระดับพร้อมลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง (Risk on) จากก่อนหน้าช่วงปลายปีที่อยู่ในระดับ 36% ที่นักลงทุนไม่พร้อมที่จะรับความเสี่ยง (Risk off)

เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตการลงทุนท่ามกลางความผันผวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังน่ากังวล KBank Private Banking ยังคงแนะนำลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงของธนาคารให้แบ่งเงินลงทุน 50-60% ของพอร์ตลงทุนในสัดส่วนพอร์ตหลักโดยเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภททั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลยุทธ์ Risk-Based Asset Allocation เพื่อสร้างผลตอบแทนในทุกสภาวะเศรษฐกิจ ช่วยให้สามารถลงทุนอย่างต่อเนื่อง (Stay Invested) ในทุกสภาวะตลาด ผ่านกองทุน K-ALLROAD Series ที่มาพร้อมกลไกอัจฉริยะที่กำหนดสัดส่วนการลงทุนให้สมดุลโดยอัตโนมัติในสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน อาทิ ในช่วงตลาดปกติเพิ่มอัตราทดเพื่อเพิ่มผลตอบแทน ในช่วงตลาดผันผวน ถือเงินสดเพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสียหาย ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ จัดการกับความเสียหายให้อยู่ในกรอบที่กำหนด

 

กองทุน K-ALLROAD Series ประกอบด้วย 3 กองทุนซึ่งแตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ คือ K-ALLROAD-UI, K-ALLGROWTH-UI และ K-ALLENHANCE-UI โดยผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมากองทุนหลัก LO FUNDS - ALL ROADS Series ในต่างประเทศสามารถสร้างผลตอบแทนและควบคุมความผันผวนได้ดีสมํ่าเสมอ สามารถให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้ ถ้าลงทุนอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป

“KBank Private Banking ได้เริ่มแนะนำกองทุน K-ALLROAD Series ให้แก่ลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 และจากภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังดีขึ้น ตลอดไตรมาสแรกของปี 2566 กิจกรรมการตลาดกับลูกค้าใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการลงทุนและเพิ่มสัดส่วนการลงทุนผ่านการลงทุนใน K-ALL ROAD Series คาดว่าจะยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า ปัจจุบัน ทั้ง 3 กองทุนในซีรีส์นี้สามารถระดุมเงินลงทุนจากลูกค้าไปได้กว่า 6.3 พันล้านบาท** ” นายจิรวัฒน์ กล่าวปิดท้าย

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ KBank Private Banking ได้ที่ https://kbank.co/3ETkS5v

SkillLane นำโดยคุณเอกฉัตร อัศวรุจิกุล Co-founder & COO ร่วมกับ อ. เบรฟ-ธัญญพัฒน์ ธัญญศิริ (ซ้าย) อ. ปิง-ประกิต สิริวัฒนเกตุ (กลาง) ผู้สันทัดกรณีด้านการลงทุนในประเทศไทย ร่วมเปิดตัวคอร์สออนไลน์ใหม่รับปี 2566 หวังช่วยผลักดันองค์ความรู้ด้านการลงทุนให้แก่คนไทยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

SkillLane แพลตฟอร์มเรียนรู้ระบบออนไลน์ ล่าสุดได้ผนึกความร่วมมือกับ  “อ.เบรฟ” “อ.ปิง” และ “Stock JourNoey”  เปิดตัวคอร์สออนไลน์ใหม่ล่าสุดรับปี 2566 เพื่อช่วยผลักดันองค์ความรู้ด้านการลงทุนให้แก่คนไทย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางเรียนรู้ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เน้นเทรนด์การลงทุนที่น่าสนใจสำหรับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมทั้งการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหน้าใหม่ ๆ เข้ามาร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ผ่านแพลตฟอร์มการเรียนการสอนล้ำสมัย พร้อมเผยเทรนด์การลงทุน และคำแนะนำสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่

ณเอกฉัตร อัศวรุจิกุล Co-founder & COO จาก SkillLane กล่าวว่า “SkillLane ถือเป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์อันดับ 1 ของไทย ที่ช่วยให้คนไทยเข้าถึงความรู้ได้สะดวกจากทุกที่ทุกเวลา เรามีคอร์สเรียนจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายวงการ และมีผู้เรียนมากกว่า 650,000 คน สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ เนื่องจากเราสังเกตเห็นว่าคอร์สออนไลน์ด้านการลงทุนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เราจึงได้เชิญอาจารย์ที่ทำงานร่วมกับ SkillLane และเชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนมาร่วมจัดทำคอร์สเรียนด้านการลงทุนใหม่ๆในปี 2566 นี้ เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ด้านการลงทุนให้คนไทยที่สนใจ และช่วยให้พวกเขาเข้าถึงองค์ความรู้ดังกล่าวได้จากทุกที่ ทุกเวลา”

ทั้งนี้อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนทั้ง 3 ท่านซึ่งเป็นตัวแทนอาจารย์ของ SkillLane และเป็นผู้ที่จะมาร่วมสร้างคอร์สใหม่ร่วมกับแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์นี้ในปี 2566 นี้ ได้แก่ “อ.เบรฟ” ธัญญพัฒน์ ธัญญศิริ ลูกศิษย์เอกของ อ.วันชัย แห่ง บล.กิมเอ็ง (ในอดีต) และหนึ่งในผู้ร่วมคิดค้นการประยุกต์ใช้ศาสตร์ Swing Trade, Elliott Wave, Fibonacci ขั้นสูง และการวิเคราะห์วงจรเวลา (Time Cycle) “อ.ปิง” ประกิต สิริวัฒนเกตุ นักลงทุนมืออาชีพ วิทยากรด้านการลงทุนชื่อดังของไทย และ “Stock JourNoey” ธนพร เจียรนัยกุลวานิช เจ้าของแฟนเพจ StockJourNoey ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 400,000 คน และนักเขียนหนังสือ "5 Steps เทรดหุ้นจากเริ่มต้นจนเทรดเป็น"

อ. เบรฟ-ธัญญพัฒน์ ธัญญศิริ กล่าวว่า “ปีที่ผ่านมาได้ร่วมทำคอร์สกับ SkillLane และได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากผู้เรียน ในปี 2566 จึงตั้งใจร่วมทำคอร์สใหม่หลายคอร์สกับทาง SkillLane ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Elliott Wave ในประเด็นต่างๆ โดยมีตัวอย่างเนื้อหาเช่น การใช้ Time cycle การนำทฤษฎี Elliott Wave ไปประยุกต์ใช้หน้างานในการเทรด/ซื้อ-ขายจริง และการนำเครื่องมือต่างๆ อย่าง Fibonacci MACD Trend-line Volume มาใช้ในการช่วยนับคลื่นให้แม่นยำยิ่งขึ้น

อ. ปิง-ประกิต สิริวัฒนเกตุ กล่าวเสริมว่า “ได้ทำงานกับ SkillLane มาหลายปี ร่วมทำคอร์สเรียนมามากกว่า 5 คอร์ส โดยส่วนตัวมองว่า ได้ผลตอบรับที่ดีและทีม Skilllane ก็ช่วยทำให้การจัดทำคอร์สเรียนออนไลน์เป็นเรื่องสะดวกสำหรับผู้สอน ในปีหน้าจึงมีแผนร่วมทำคอร์สกับ SkillLane เพิ่มเติม โดยครั้งนี้จะเป็นคอร์สที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Option trading และ DW ที่ลงลึกในรายละเอียด เข้าใจง่าย และใช้งานได้จริง”

อ. ธนพร เจียรนัยกุลวานิช หรือ StockJourNoey กล่าวต่อว่า “คอร์สแรกที่ร่วมทำกับ SkillLane อย่างคอร์สมือใหม่เรียนหุ้นกับ StockJourNoey นั้นเป็นที่นิยมของผู้เรียนมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้ว่ามีคนสนใจเข้าสู่วงการการลงทุนอยู่ไม่ขาด และคอร์สการลงทุนแบบออนไลน์นั้นตอบโจทย์ผู้เรียนได้จริง ในปีหน้าจึงเตรียมที่จะออกคอร์สใหม่กับ SkillLane เป็นคอร์สสำหรับทุกคนที่จะให้ความรู้ทั้งการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis)”

สำหรับเทรนด์ด้านการลงทุนจากผู้ลงทุนชาวไทยในปี พ.ศ. 2566 อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั้ง 3 ท่านกล่าวว่า จะยังคงเน้นเรื่อง asset allocations เพื่อเลือกสินทรัพย์ในการลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงเวลา และการเลือกความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยตลาดโซนเอเชียหลายตลาดเริ่มฟื้นตัว แต่ยังมีความท้าทายที่นักลงทุนไทยควรระวังคือ เรื่องการจัดการความโลภ ความกลัว และความไม่รอบรู้ของตัวนักลงทุนเอง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเงิน (Financial Products) ใหม่ ๆ ที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ การลงทุนด้าน Option trading และ DW จะเป็นทางเลือกที่ดีในเวลาที่ตลาดหุ้นเป็นขาลงในปีหน้า และสำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนระยะยาว ธีมพลังงานทดแทน (Renewable Energy) และธีมที่ได้ประโยชน์จากการที่ราคาน้ำมันลงอย่างเช่น การขนส่งโลจิสติกส์ (Logistics) นับเป็นธีมที่น่าสนใจในปีพ.ศ. 2566

และสำหรับนักลงทุนมือใหม่ อาจารย์ทั้ง 3 ท่านของ SkillLane แนะนำว่า ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร แนะนำให้เริ่มจากการบริหารจัดการเงินก่อน จากนั้นให้ศึกษาหาความรู้และข้อมูลให้แน่นที่สุด โดยศึกษากับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง นึกถึงความเสี่ยงจากการขาดทุนก่อนเป็นอันดับแรก รู้ตัวว่าเราเป็นนักลงทุนรูปแบบไหน และเริ่มลงทุนจากเงินจำนวนน้อยก่อน

ทั้งนี้ สำหรับอาจารย์และผู้ที่สนใจร่วมถ่ายทอดความรู้ให้คนไทยผ่านคอร์สเรียนออนไลน์ ทาง SkillLane มีการให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่ร่วมออกแบบและผลิตคอร์สจนถึงวางแผนการตลาด นอกจากนี้ SkillLane ยังมีอีโคซิสเต็มใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ทำให้คอร์สจากอาจารย์ผู้สอนสามารถนำไปเผยแพร่ได้ในหลากหลายแพลตฟอร์มอีกด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.skilllane.com/teach

นายพรเลิศ เตชะรัตโนภาส (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออนไลน์แอสเซ็ท จำกัด หรือ กลุ่มธุรกิจ efin

Page 2 of 7
X

Right Click

No right click