เงินดิจิตัลของรัฐบาล “CBDC” นอกจากจะทำให้สถาบันการเงินเจ๊งแล้วยังเพิ่มอำนาจมหาศาลให้รัฐกลายเป็น รัฐมาเฟีย

October 05, 2023 2235

ระยะหลังมานี้ รัฐบาลและธนาคารชาติใหญ่ๆ ในโลก ได้ทดลองหรือเตรียมทดลองออกใช้เงินดิจิตัลสกุลตัวเองเกือบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจีน อเมริกา อียู ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ไทยเองก็เอาด้วย

บ้างก็ทดลองเฉพาะในแวดวงธนาคารเป็น Wholesale Only เช่นสหรัฐอเมริกา อียู ญี่ปุ่น และไทย มีเฉพาะแต่จีนเท่านนั้นที่ได้รวมเอาประชาชนทั่วไปจำนวนหนึ่งให้เข้ามาทดลองใช้ด้วย รัฐบาลไทยเอง ก็กำลังจะแจกเงินดิจิตอลให้ราษฎรคนละหมึ่นบาท ต้นปีหน้า
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเงินดิจิตัลใหม่นี้มันโอนไปมาบน Blockchain หรือ Distributed Ledger ไม่ใช่ Centralized Ledger แบบเดิมที่เราคุ้นเคยกัน
เทคโนโลยีบล็อกเชนนี้ ทำให้ทุกธุรกรรมสามารถทำตรงระหว่างคู่ค้าโดยตัดตัวกลางออกไป และข้อมูลของธุรกรรมนั้นจะถูกบันทึกไว้บน Blockchain ซึ่งถ้าธนาคารชาติยอมให้เป็นสาธารณะ ทุกคนก็จะเปิดดูได้อย่างโปร่งใส
เช่นแต่เดิม นาย A. ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารกสิกร โอนเงินให้ นาย B. ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารกรุงเทพฯ นาย A ต้องเข้าแอ็ปของกสิกร แล้วสั่งให้โอนเงิน ซึ่งต้องอาศัยธนาคารชาติเป็นตัวกลางในการ Clearing คือส่งคำสั่งไปที่ธนาคารกรุงเทพฯ เพื่อให้เดบิตบัญชีของนาย B.
แต่ถ้าเป็นบล็อกเชน นาย A. สามารถสั่งจ่ายเงินจาก Wallet ของตัวเอง ไปเข้า Wallet ของนาย B. ได้โดยตรงทันทีเลย ทำให้ตัดขั้นตอน กินเวลาน้อยและต้นทุนถูกลง
ถ้าทุกคนทำแบบนี้ ธนาคารก็เตรียมตัวเจ๊งได้เลย !


บล็อกเชนมันอนุญาตให้ประชาชนของชาติต่างๆ ทุกคนที่อาศัยอยู่ทั่วประเทศของตนหรือกระจายไปทั่วโลก สามารถเปิดบัญชีตรงกับธนาคารชาติของตัวเองได้เลย ไม่จำเป็นต้องผ่านธนาคารพาณิชย์หรือสาขาของธนาคารพาณิชย์อีกต่อไป
ถ้าแบงก์ชาติไทยอนุญาตให้ทำได้ ต่อไปคนไทยเราทุกคนก็จะมีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยฝากถอนผ่าน Wallet ในโทรศัพท์มือถือของตัว และเมื่อถึงเวลารับดอกเบี้ยราย 6 เดือน มันก็จะเดบิตเข้ามาในว็อลเล็ตโดยอัตโนมัติ
และถ้าแบงก์ชาติขยายบริการ ก็อาจจะทำธุรกรรมแบบอื่นได้ด้วย เช่นกู้เงิน ซื้อประกัน รวมถึงบริการเสริมต่างๆ แบบที่ธนาคารพาณิชย์ทำอยู่
เงินดิจิตัลแบบนี้จะทำให้อำนาจของธนาคารชาติเพิ่มขึ้นอีกมาก และจะทำให้อุตสาหกรรมการเงินถูก Disrupt หากนำระบบนี้มาใช้ทันทีในระดับประชาชน
มันจะช่วยให้รัฐบาลดำเนินนโยบายการเงินง่ายขึ้น สามารถเพิ่มลดปริมาณเงินในระบบได้ทันที สามารถให้เงินช่วยเหลือประชาชนตามโครงการต่างๆ ได้ทันทีโดยเดบิตบัญชีและส่งเงินเข้าวอลเล็ตเลย อีกทั้งการเก็บภาษีก็จะเกิดประสิทธิภาพสูงเพราะหักไปเข้าบัญชีรัฐบาลได้เลย และต่อไปก็จะแก้ปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินได้ในตัว เพราะเท่าที่เป็นมา เมื่อสถาบันการเงินใดมีปัญหา คนขาดศรัทธาหรือเชื่อข่าวลือตามๆ กัน มักแห่ไปถอนเงิน ที่เรียกว่า Bank Run ธนาคารพาณิชย์ก็จะล้มลงถ้าธนาคารชาติเข้าช่วยไม่ทัน แต่แบบใหม่นี้ถึงแม้คนแห่ไปถอนเงิน ก็ไม่เป็นไร เพราะธนาคารชาติมีเงินเหลือเฟือให้ถอน สามารถพิมพ์เงินขึ้นมาแก้วิกฤติได้ทันที และคนก็จะเลิกกลัวไปเองเพราะธนาคารชาติจะไม่ล้ม เนื่องจากรัฐบาลเป็นเจ้าของ
แต่ในทางร้ายก็น่ากลัวไม่น้อย เพราะบนบล็อกเชนนั้นเราสามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ได้ด้วยเทคโนโลยี Smart Contract เช่น กำหนดว่าวอลเล็ตของราษฎรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จะไม่สามารถใช้เงินดิจิตัลของตัวซื้อสุราได้ หรือราษฎรที่ทำผิดกฎหมายบางอย่างจะถูกอายัดบัญชี ห้ามเบิกถอน หรือเบิกถอนได้ในจำนวนจำกัดในแต่ละวัน หรือแม้แต่ราษฎรที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ก็อาจจะถูกตั้งเงื่อนไขบางประการได้ ฯลฯ
การเพิ่มอำนาจของธนาคาชาติแบบนี้ ย่อมเท่ากับรัฐบาลจะสามารถกุมชะตากรรมของประชาชนได้อย่างชงัดและเขม็งเกลียวยิ่งขึ้น
หากวันหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ไปอยู่ในมือรัฐบาลที่ฉ้อฉล หรือแม้แต่รัฐบาลที่ซื้อสัตย์ ทว่าลุแก่อำนาจ สิทธิและเสรีภาพของพวกเราในการครอบครองทรัพย์และกรรมสิทธิ์เหนือทรัพย์ของเรา ย่อมน่าเป็นห่วง
เพราะจะมี Big Brother คอยสอดส่องเราอยู่ทุกฝีก้าว

โดย ทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว / Editor in Chief _MBA magazine

29/09/2566

 

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Thursday, 05 October 2023 14:22
X

Right Click

No right click