ก.ล.ต. และพันธมิตร จัดพิธีมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณให้นายจ้างในโครงการ “บริษัทเกษียณสุข” 77 ราย  ส่งเสริมสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กว่า 1.6 แสนคน ให้เห็นความสำคัญของการออมและลงทุนเพื่อวัยเกษียณ และการวางแผนการเงินระยะยาวอย่างจริงจัง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่ลูกจ้างจะมีเงินไม่พอใช้ในวัยเกษียณ

จากการที่ ก.ล.ต. ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ให้บริการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จัดโครงการ “บริษัทเกษียณสุข” เชิญชวนบริษัทนายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) เข้าร่วม โดยมีเป้าหมายเพื่อรณรงค์ให้นายจ้างเห็นความสำคัญและนำไปสู่การปฏิบัติจริงในการเตรียมความพร้อมทางการเงินให้ลูกจ้างมีเงินพอใช้สำหรับวัยเกษียณโดยการออมและลงทุนผ่าน PVD ในปี 2562 มีนายจ้างที่มี PVD ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 77 ราย* โดยแบ่งเป็นรางวัลระดับทอง 28 ราย ระดับเงิน 37 ราย และระดับทองแดง 12 ราย ซึ่งมีสมาชิก PVD รวมกันกว่า 1.6 แสนคน จากนายจ้างที่สมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 181 ราย ครอบคลุมสมาชิกกว่า 3 แสนคน

ในจำนวนนี้มีนายจ้าง 64 ราย เพิ่มแผนการลงทุนที่หลากหลายให้เหมาะกับลูกจ้าง และมีเงินสมทบให้ลูกจ้างตั้งแต่ร้อยละ 5 ขึ้นไป ขณะที่ลูกจ้างมีความกระตือรือร้นที่จะเพิ่มเงินสะสม โดยมีนายจ้าง 28 ราย ที่สมาชิก PVD มากกว่าครึ่งส่งเงินสะสมเข้ากองทุนมากกว่าร้อยละ 10

พิธีมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณบริษัทเกษียณสุข ได้จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีนายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ประธานกรรมการ ก.ล.ต. ให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัล โดยมีผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานพันธมิตร และผู้แทนจากบริษัทที่เข้าร่วมโครงการรวมกว่า 300 คน ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก

ทั้งนี้ นายจ้างเป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในการกระตุ้นและสนับสนุนให้ลูกจ้างตระหนักถึงความจำเป็นของการออมเพื่อวัยเกษียณ ซึ่งข้อมูลที่นายจ้างและคณะกรรมการกองทุนได้รับจากการร่วมกิจกรรมในโครงการ อาทิ การกระตุ้นให้ลูกจ้างสะสมเงินเต็มสิทธิร้อยละ 15 ของเงินเดือน การมีแผนลงทุนที่หลากหลายให้เลือกตามความเสี่ยง รวมถึงมีแผนการลงทุนแบบสมดุลตามอายุ (life path) ที่ปรับสัดส่วนการลงทุนอัตโนมัติตามช่วงอายุของสมาชิก จะช่วยกระตุ้นให้ลูกจ้างเห็นความสำคัญของการวางแผนการเงิน การออมและลงทุนเพื่อวัยเกษียณผ่าน PVD จนสามารถมีเงินพอใช้ในวัยเกษียณได้

โครงการ “บริษัทเกษียณสุข” เป็นกิจกรรมหนึ่งของ ก.ล.ต. ที่มีนโยบายส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการออมเงินในระยะยาว เนื่องจาก ก.ล.ต. พบว่า สมาชิก PVD ประมาณร้อยละ 60 ได้รับเงินก้อนไม่ถึง 1 ล้านบาทในวันเกษียณอายุ ในขณะที่ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่า คนไทยควรมีเงินอย่างน้อย 3-5 ล้านบาท ณ วันเกษียณเพื่อให้เพียงพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้หลังเกษียณ จึงสะท้อนให้เห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่อาจมีเงินไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตหลังจากไม่มีรายได้จากการทำงานแล้ว โดยสาเหตุหลักมาจากการขาดความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของการออมและลงทุนเพื่อวัยเกษียณ

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ เปิดเวทีรับฟังการนำเสนอโครงงาน ภายใต้โครงการ “เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน” โดยน้องๆ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 ได้ร่วมกันจัดนิทรรศการความรู้พร้อมนำเสนอโครงงานและผลงานต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ตลอดระยะเวลา 12 สัปดาห์ จากวิทยากรฟาร์มเห็ดโพธิ์ทอง และผู้บริหารเคทีซี โดยเริ่มตั้งแต่การเรียนรู้ชนิดของเห็ด กระบวนการทำก้อนเห็ด การเพาะเห็ด การดูแลเห็ดในโรงเรือน การแปรรูปเห็ดเป็นวัตถุดิบ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ โลโก้ การสร้างแบรนด์และการทำพรีเซนเทชัน

รวมถึงการบริหารต้นทุนและการวางแผนการใช้จ่าย ภายในงานน้องๆ ยังได้ช่วยกันโชว์ฝีมือสร้างสรรค์เมนูอาหารว่างจากเห็ดที่เพาะได้ในโรงเรือนต้นแบบ ได้แก่ คานาเป้เห็ด คุ้กกี้เห็ด วาฟเฟิลเห็ด พิซซ่าเห็ด และเห็ดทอด โดยมี อาจารย์สายใจ สังขพันธ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ ร่วมเป็นเกียรติในงาน ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 2 โรงเรียนเศรษฐเสถียรในพระราชูปถัมภ์ ถนนพระราม 6

เอไอเอ ได้รับการประกาศให้เป็น 1 ใน 20 บริษัทระดับโลกที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในด้านการปฏิรูปองค์กรในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จากผลการรายงานของบริษัท Innosight ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ โดยการจัดอันดับดังกล่าวยังได้รับการตีพิมพ์ใน Harvard Business Review ฉบับเดือนกันยายนอีกด้วย

ทั้งนี้ เอไอเอได้รับการยกย่องจากการเปลี่ยนแปลงบทบาทในฐานะที่เป็นบริษัทประกันสู่การเป็น 'ผู้มีส่วนร่วมกับผู้บริโภค' ผ่านโครงการเอไอเอ ไวทัลลิตี้ (AIA Vitality) โครงการดูแลสุขภาพชั้นนำระดับโลก ที่มุ่งสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว โดยการที่เอไอเอ ได้รับเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทระดับโลกที่มีความโดดเด่นด้านการปฏิรูปองค์กรในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทของเอไอเอในการผลักดันโครงการเอไอเอ ไวทัลลิตี้ ในการสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ดังคำมั่นสัญญา ’Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’

ทีเอ็มบี จับมือ เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต เพิ่มบริการใหม่ ซื้อประกันชีวิตผ่านทีเอ็มบี ทัช โมบายแอปพลิเคชัน (TMB TOUCH Mobile Application) ประเดิม “TMB Life Saver 15/9” สะดวก ง่ายๆ ซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง คุ้มครองทันที ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าในยุคดิจิทัล

ทีเอ็มบี หรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) โดยคุณชวมนต์ วินิจตรงจิตร หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์ธุรกรรมธนาคาร เปิดเผยว่า ทีเอ็มบีมุ่งพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และการบริการทางการเงินต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้ใช้งานได้สะดวกสบายและได้รับสิ่งที่มากกว่า (Get MORE) โดยล่าสุดได้พัฒนาบริการใหม่ในทีเอ็มบี ทัช โมบายล์แอปพลิเคชัน ให้ลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต TMB Life Saver 15/9 (ทีเอ็มบี ไลฟ์ เซฟเว่อร์ 15/9) ได้ด้วยตนเอง พร้อมรับความคุ้มครองทันที ซื้อง่ายเพียงปลายนิ้วผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อตอบรับพฤติกรรมลูกค้าในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างก้าวกระโดด

“การเพิ่มบริการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตบนแอปพลิเคชัน เป็นการเพิ่มช่องทางการนำเสนอขายประกันชีวิตที่จะเข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิทัล ทั้งสะดวก รวดเร็ว ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง พร้อมรับความคุ้มครองทันที ทั้งยังซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปซื้อที่สาขา ซึ่งค่าเบี้ยประกันชีวิต ทีเอ็มบี ไลฟ์ เซฟเว่อร์ 15/9 นี้ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มองหาตัวช่วยมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ หากหลงลืมหรือมีธุระวุ่นวายในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี คุณจะไม่พลาดสิทธิ์การลดหย่อนภาษี ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถกดซื้อได้ทันที”

ด้านบริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยคุณพิมพาภรณ์ อาภาศิริผล ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบริหารกลยุทธ์ลูกค้าและดิจิตอล กล่าวว่าเอฟดับบลิวดีประกันชีวิต และ ทีเอ็มบี ได้ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับการบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ที่จะเพิ่มทางเลือกการบริหารเงินครบวงจรมากขึ้น เพราะต้องการเปลี่ยนมุมมองของคนที่มีการประกันชีวิตให้เป็นเรื่องง่าย สะดวก สามารถใช้ชีวิตได้เต็มที่ ด้วยประกันชีวิตสะสมทรัพย์ “ทีเอ็มบี ไลฟ์ เซฟเว่อร์ 15/9” ชำระเบี้ยประกันเพียง 9 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองถึง 15 ปี มีเงินคืน 4% ของทุนประกัน ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ปีที่ 1 จนถึงสิ้นปีกรมธรรม์ปีที่ 15 และสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 15 ได้รับเงินอีก 200% ของทุนประกันภัย ความคุ้มครองชีวิตสูงถึง 260% ของทุนประกัน

ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ “ทีเอ็มบี ไลฟ์ เซฟเว่อร์ 15/9” เป็นประกันชีวิตที่เข้าใจง่าย คุ้มค่ามากกว่าที่คิด จ่ายเบี้ยน้อย คุ้มครองนาน ได้ทั้งออมเงิน ความคุ้มครอง และลดหย่อนภาษีสำหรับมนุษย์เงินเดือน มีผลตอบแทนตลอดสัญญา ซึ่งข้อดีของการซื้อประกันผ่านแอปพลิเคชัน คือ เจ้าของบัญชีสามารถซื้อได้ทันที  รับประกันอายุ 20-60 ปี เบี้ยประกันภัยสูงสุด 100,000 บาท แต่ได้รับความคุ้มครองสูงถึง 416,667 บาทต่อราย โดยสามารถชำระค่าเบี้ยประกันผ่านบัญชีเงินฝากที่ผูกอยู่ใน TMB TOUCH พิเศษช่วงเปิดตัว ลูกค้าที่ซื้อประกันชีวิต ทีเอ็มบี ไลฟ์ เซฟเว่อร์ 15/9 ผ่านทีเอ็มบี ทัช โมบายล์แอปพลิเคชันครั้งแรก รับคะแนน 100 WOW ต่อค่าเบี้ยประกันทุกๆ 12,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2562 นี้เท่านั้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคาร

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย คุณศุภชัย จงศุภวิศาลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาด (แถวบนลำดับที่3 จากขวา) ร่วมสนับสนุน พร้อมร่วมแถลงข่าวการแข่งขันกอล์ฟการกุศล ครั้งที่ 12 ประจำปี 2562 สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้สมทบโครงการกองทุนทนายอาสาเพื่อประชาชนทางกฎหมาย ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย โดยไม่คิดค่าตอบแทน เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม เอสซี ปาร์ค 

มร. เคน หู รองประธานบริหาร หัวเว่ย ได้ขึ้นกล่าวถึง สถานะปัจจุบันของการพัฒนาเครือข่าย 5G ทั่วโลก ในงาน Global Mobile Broadband Forum ครั้งที่ 10 ซึ่งเปิดฉากขึ้น ณ เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวานนี้ (15 ตุลาคม 2562) นอกจากการเน้นย้ำถึงประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ที่มีต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศที่ได้ริเริ่มการใช้โครงข่าย 5G กันแล้ว มร. เคน หู ยังกล่าวถึงความสำคัญของนโยบายและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่จะเอื้อต่อการเร่งพัฒนาเครือข่าย 5G ในขั้นต่อไป

“เราได้ขับเคลื่อนจนเกิดความก้าวหน้าไปอย่างมาก แต่เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จาก 5G ได้สูงสุด เราต้องร่วมมือกันเพื่อพิชิตความท้าทายต่างๆ ที่รอเราอยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความถี่ แหล่งทรัพยากรต่างๆ รวมถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เครือข่าย 5G ไม่เพียงแต่เร็วกว่า 4G แต่จะมีบทบาทต่อวิถีชีวิตของเราที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น ในฐานะผู้ที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม เราจำเป็นต้องมีวิธีคิดที่สดใหม่เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาในอนาคต” มร. เคน หู กล่าว

ทั่วโลกเดินหน้า 5G เต็มกำลัง

เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งปีหลังจากที่ได้มีการกำหนดมาตรฐานขึ้นมาอย่างชัดเจน ได้เกิดการใช้งานเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์อย่างกว้างขวาง ซึ่งมีความเร็วกว่า 4G อย่างมาก ผู้ให้บริการเครือข่ายในกว่า 20 ประเทศ ได้เปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ รวมกว่า 40 เครือข่าย ภายในปลายปีนี้ คาดว่าจะมีเครือข่ายเพิ่มขึ้นอีกเป็น 60 ราย

5G เปิดประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสความเร็วสูงสุด โดยเกาหลีใต้เป็นประเทศแรกที่เปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ และตอนนี้มีผู้ใช้งานมากกว่า 3.5 ล้านรายสมัครใช้งานเครือข่าย 5G กับผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศ ภายในช่วงเวลาเพียงไม่ถึงหกเดือน อัตราการเติบโตดังกล่าวมีผลมาจากบริการใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น AR/VR ที่ใช้เทคโนโลยี 5G และการถ่ายทอดสดกีฬาด้วยภาพคมชัดระดับเอชดีแบบ 360º บริการทั้ง 3 รูปแบบนี้ทำให้ผู้ใช้งาน 5G กลุ่มแรกเริ่มใช้ปริมาณดาต้าเพิ่มขึ้นถึง 1.3 กิ๊กกะไบท์ต่อเดือน

 

นอกจากปริมาณการใช้ดาต้าที่เติบโตเพิ่มขึ้น ผู้ให้บริการเครือข่ายรายต่างๆ ยังมีช่องทางรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น LG U+ ผู้ให้บริการเครือข่ายในเกาหลีใต้ได้เปิดตัวบริการด้าน VR/AR ซึ่งรวมอยู่ในแพ็กเกจดาต้า 5Gแบบพรีเมียม และในช่วงเวลาเพียงสามเดือนหลังการเปิดให้บริการ 5G สัดส่วนผู้ใช้งานแพ็กเกจดาต้าแบบพรีเมียมเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 3.1% เป็น 5.3%

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมอื่นๆ ยังสร้างมูลค่าทางธุรกิจใหม่ๆ จากการเริ่มใช้งาน 5G ในระดับอุตสาหกรรม โดย มร. เคน หู กล่าวว่า “แอพพลิเคชั่น 5G เพื่อช่วยยกระดับทั้งด้านการสื่อสารความเร็วสูงบนโทรศัพท์มือถือ ด้านบันเทิง และด้านการผลิต ซึ่งได้เริ่มใช้งานกันไปบ้างแล้ว แม้เรายังบอกไม่ได้ว่าแอพพลิเคชั่นนี้จะเป็นไปในรูปแบบใด ในอนาคต แต่ขณะนี้เราได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกอุตสาหกรรมต่างได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G”

 นโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนาคลื่นความถี่และไซท์กระจายสัญญาณ

มร. เคน หู ให้ข้อสังเกตว่า แหล่งจ่ายและต้นทุนของคลื่นความถี่เป็นสองความท้าทายหลักที่เรากำลังเผชิญ “เราหวังว่าภาครัฐจะสามารถจัดสรรทรัพยากรคลื่นความถี่ให้มากขึ้นและพิจารณารูปแบบการตั้งราคาที่มีความยืดหยุ่นกว่าเดิม เพราะจะช่วยลดภาระรายจ่ายลงทุนเบื้องต้นให้แก่ผู้ให้บริการเครือข่ายได้”

นอกจากนี้ มร. เคน หู ยังเสนอแนะให้รัฐบาลในประเทศต่างๆ เริ่มวางแผนที่จะตอบรับความต้องการในคลื่นความถี่ใหม่ให้ครอบคลุมภายใน 5-10 ปีข้างหน้านี้ พร้อมชี้ว่า คลื่นความถี่ในช่วง 6GHz เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

“อุตสาหกรรมของเราต้องการการสนับสนุนด้านทรัพยากรของไซท์สัญญาณเพิ่มขึ้นด้วย ปัจจุบัน ต้นทุนยังสูงอยู่มาก ในขณะที่ไซท์สัญญาณไม่เพียงพอกับความต้องการเสมอ หน่วยงานกำกับดูแลควรริเริ่มและส่งเสริมให้มีการเปิดให้ใช้โครงสร้างพื้นฐานสาธารณะในรูปแบบของการแบ่งปัน รวมถึงออกแนวทางสำหรับการก่อสร้างไซท์สัญญาณ” มร. เคน หู กล่าวต่อ

 มหานครเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองตัวอย่างที่รัฐบาลได้สร้างเสาไฟฟ้าอเนกประสงค์มาตรฐานใหม่ ภายในปี 2020 เซี่ยงไฮ้จะติดตั้งเสาไฟฟ้ารูปแบบใหม่นี้ตลอดระยะทาง 500 กิโลเมตรของถนนสาธารณะ เพื่อเพิ่มแหล่งจ่ายสัญญาณ 5G อีก 30,000 แห่ง คิดเป็น 75% ของสถานีกระจายสัญญาณไร้สายทั่วเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ส่วนในยุโรป กระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโดยตรง เพื่อกำหนดความต้องการและระบุข้อบังคับในการใช้แหล่งจ่าย 5G และโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะร่วมกัน (เช่น ไฟจราจร ป้ายจราจร และป้ายรถเมล์) เพื่อลดต้นทุนให้ทุกภาคส่วนด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้ร่วมกันได้

ขยายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน

มร. เคน หู กล่าวปิดท้ายด้วยการเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เรายังมีความท้าทายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองก์ความรู้ของภาคอุตสาหกรรมแบบเดียวกันในแนวดิ่ง กรณีศึกษาตัวอย่าง และการพัฒนาให้สามารถทำเป็นธุรกิจได้ เราจึงจำเป็นต้องร่วมมือร่วมแรงกัน ด้วยการเปิดใจ ทำงานร่วมกันกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อหาปัญหาที่แท้จริงและค้นหาว่าอะไรที่ได้ผลหรือไม่ได้ผล ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถใช้ศักยภาพของ 5G ได้สูงสุด”

ในการส่งเสริมนวัตกรรมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนและความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่กว้างขวางขึ้น หัวเว่ยได้เปิดศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือ 5G สำหรับยุโรปเป็นแห่งแรกในเมืองซูริค ศูนย์นี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและซันไรส์ ซึ่งนับเป็นแพลตฟอร์มนวัตกรรมที่ช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถทำงานร่วมกันและพัฒนาโซลูชั่น 5G เฉพาะทางสำหรับภาคอุตสาหกรรม

“เห็นได้ชัดว่าแต่ละประเทศมีจุดแข็งทางเศรษฐกิจของตัวเอง ซึ่งเป็นขอบเขตที่เราสามารถนำเทคโนโลยี 5G เข้าไปเสริมโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อเป็นการต่อยอดความสามารถในการแข่งขันของประเทศนั้นๆ ” มร. เคน หู กล่าวสรุป

สำหรับงาน Global Mobile Broadband Forum ในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,500 คน จากผู้ให้บริการเครือข่าย อุตสาหกรรมแบบเดียวกันในแนวดิ่ง บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ องค์กรที่กำหนดมาตรฐานต่างๆ หน่วยงานวิเคราะห์การตลาด และสื่อมวลชน โดยมีการจัดแสดงเกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G โซลูชั่นเชิงพาณิชย์ รวมถึงการใช้ 5G ในระดับผู้บริโภค ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ ซึ่งครอบคลุมบริการคลาวด์ AR/VR ผ่าน 5G การถ่ายทอดสัญญาณภาพบนความละเอียด 8K การเล่นเกมผ่านคลาวด์ แมชชีนวิชั่น และโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยี 5G เพื่อการควบคุมทางไกล

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ (ที่ 6 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (J Ventures) บริษัทในกลุ่มเจมาร์ท จับมือพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและบล็อกเชน (Blockchain) ภายใต้ความร่วมมือของ J Ventures พร้อมด้วย I AM Consulting , Dome Cloud , Atomic Pay และ Satang เปิดตัว Thailand Blockchain Working Group (TBWG) เป็นการรวมตัวของนักพัฒนาและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อเป็นอีกหน่วยงานสำคัญในการสร้างระบบนิเวศบล็อกเชนในประเทศไทย (Blockchain Ecosystem) พร้อมสนับสนุนด้านการลงทุน ขับเคลื่อนองค์กรด้านบล็อกเชนสตาร์ทอัพสายเลือดไทยให้เติบโตแข็งแกร่ง โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหาร Brand Protocol และนายวิชัย ทองแตง (กลาง) Investment Specialist ร่วมให้ข้อมูลการลงทุน ณ ห้อง Auditorium ชั้น 7 The Knowledge Exchange เมื่อเร็วๆ นี้

 

 “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกที่มีแอป “KTC Mobile” เมื่อเติมน้ำมันผ่านบัตรเครดิตเคทีซีครบ 800 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป ที่ปั๊มน้ำมันพีที สเตชั่น ทั่วประเทศ รับทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียน ส่วนลด 15 บาท สำหรับเมนูเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น (ไม่รวมเมนูปั่น) ที่ร้านพันธุ์ไทย ในรูปแบบของ e - Coupon ผ่านแอป “KTC Mobile” ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 15 มกราคม 2563 พร้อมรับเพิ่ม ส่วนลดน้ำมัน 50 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต “KTC UNIONPAY” โดยลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านโทรศัพท์มือถือพิมพ์ *793*180* ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต KTC UNIONPAY 8 หลักแรก และ 4 หลักสุดท้าย ตามด้วยเครื่องหมาย # แล้วกดโทรออก ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 31 มีนาคม 2563

สำหรับการใช้สิทธิ์ e-Coupon เริ่มจากเปิดแอป “KTC Mobile” กดเลือกเมนู “คูปองของฉัน” ที่อยู่ด้านล่าง คลิ๊กคูปองที่ต้องการและตรวจสอบรายละเอียดคูปอง กดปุ่ม “เพื่อใช้คูปองรายการ” จะมีหมายเลขคูปองแสดงขึ้นมา ยื่นให้พนักงานเพื่อรับสิทธิ ถือว่าดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ (คูปองนี้จะไปแสดงที่แถบเมนู “คูปองที่ใช้แล้ว”)

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000  หรือติดตามโปรโมชั่นอื่นๆ ของเคทีซีได้ที่ www.ktc.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ http://bit.ly/2uPcS19 หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ

ศิลธรรม ที่เขาพิจารณากันนี้ ไม่ใช่ศิลห้า ศิลแปด หรือหลักศาสนาใด ๆ ในที่นี้ท่านเสนอความคิดเชิงศิลธรรม ที่เป็น “ศิลธรรมทางแพ่ง” หรือ ศิลธรรมแบบอาณาจักร ไม่ใช่ข้อศิลธรรมของศาสนจักร

X

Right Click

No right click