บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต นำโดย นายอังเดร ปีเตอร์ ซานิค (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่สายงานทรานฟอร์เมชั่น เข้ามอบเงินที่ได้จากโครงการ “Omne by FWD ช่วยน้อง ให้มองเห็น” จำนวน 570,820 บาท ให้แก่กองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โดยมี พญ. พนิดา ศรีสันต์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการกองทุน ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ

โครงการ “Omne by FWD ช่วยน้อง ให้มองเห็น” เป็นกิจกรรมเชิญชวนให้ลูกค้า FWD ดาวน์โหลดและสมัครสมาชิกแอปพลิเคชัน Omne ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์มที่รวมครบทุกบริการแบบ All-in-One โดยทุกการดาวน์โหลดและสมัครสมาชิกบริการออนไลน์ 1 บัญชี ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2566  บริษัทฯ จะมอบเงินสมทบทุนจำนวน 20 บาท ให้แก่โครงการช่วยน้องให้มองเห็น เพื่อร่วมกันมอบโอกาสการมองเห็นให้แก่เด็กไทย

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายแพทย์ประมุกข์ ทรงจักรแก้ว (ที่ 2 จากซ้าย) ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วยนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาท แก่ศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแทพย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล (กลาง) เพื่อร่วมสนับสนุนโครงการ "ศิริราช เดิน-วิ่ง ครั้งที่ 16" ที่ทางคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 เพื่อส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขและแข็งแรงอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอที่มุ่งสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, Better Lives'

ตั้งเป้าลดลง 80% จากปีที่แล้วให้ได้ใน 40 วันสุดท้ายของฤดูฝุ่นพิษ นำร่องใน 69 หมู่บ้าน 2 อำเภอหางดง และแม่ริม

ร่วมผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง และเท่าเทียมในประเทศไทย

นางสาวสุตานันท์ อาวจำปา (กลางขวา) ผู้อำนวยการกลุ่มสื่อสารองค์กร กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้เกียรติรับมอบคู่มือท่องเที่ยว “เคทีซี ไกด์ซีน” (KTC Guidezine) จำนวน 1,850 เล่ม จากนางสาวเจนจิต ลัดพลี (กลางซ้าย) ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์องค์กร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปส่งต่อให้กับเยาวชนในสถานศึกษาต่างๆ  ภายใต้การดูแลของกระทรวงฯ ได้ใช้ประโยชน์ในการค้นคว้าหาความรู้ ณ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ถนนพระราม 6 เมื่อเร็วๆ นี้

“เคทีซี ไกด์ซีน” เป็นหนังสือเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอารยธรรม สถาปัตยกรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของชนพื้นเมืองรวม 6 เส้นทาง ได้แก่ เมือง เดลีและเมืองอัครา ประเทศอินเดีย / เมืองมอสโคว์ เมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เส้นทางสายทรานไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย / ประเทศไอซ์แลนด์ / ประเทศอิหร่าน / ประเทศกรีซและประเทศตุรกี

มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตอกย้ำบทบาทของการเป็นสะพานบุญแห่ง ‘การให้’ สานต่อภารกิจเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลรามาธิบดี เดินหน้าโครงการใหม่ “รามา+1 เพิ่มพื้นที่ บวกความหวัง” ชวนคนไทยร่วมส่งพลังบวก 1 เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับผู้ป่วยและขยายศักยภาพการรักษา พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ชุดใหม่จากเรื่องราวของ “ความหวัง” เดินหน้าระดมทุนให้แก่โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อเพิ่มพื้นที่และยกระดับศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนชาวไทย พร้อมผลักดันระบบสาธารณสุขไทยให้เท่าทันสภาวการณ์แห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์’ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “เกือบ 60 ปีที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเปิดให้บริการในฐานะโรงพยาบาลที่เปรียบเสมือน ‘ที่พึ่ง’ ของคนไทย พร้อมบทบาทด้านการผลิตบุคลากรทางการแพทย์เข้าสู่ระบบสาธารณสุข และด้านการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ทางการแพทย์เพื่อการรักษา โดยครอบคลุมทั้งงานวิจัยขั้นพื้นฐานด้านการหาตัวยาใหม่เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและเพิ่มการเข้าถึงตัวยาได้มากขึ้น ไปจนถึงการคิดค้นแนวทางการรักษารูปแบบใหม่สู่การเป็นต้นแบบของการรักษาโดยเฉพาะการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ถือเป็นโครงการที่ไม่เพียงเพิ่มพื้นที่ในการรักษาที่รองรับนวัตกรรมทางการแพทย์ล้ำสมัยเท่านั้น แต่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและสนับสนุนพันธกิจของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีอย่างครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อผลักดันระบบการแพทย์ไทยให้ก้าวหน้าต่อไป”

 

รศ.นพ.ชูศักดิ์ กิจคุณาเสถียร รองคณบดีฝ่ายนโยบายและแผน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวเสริมว่า “โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี จะเอื้อประโยชน์ต่อการบูรณาการและสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อผลักดันการสร้างสรรค์และต่อยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สามารถเพิ่มศักยภาพทางการรักษาต่อไปในอนาคต โดยจะมีการนำนวัตกรรมทางการแพทย์หลากหลายประเภทเข้ามาให้บริการทางการแพทย์รวมถึงพัฒนาด้านระบบภายในโรงพยาบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางการแพทย์ที่ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลในการบันทึกข้อมูลของผู้ป่วยและการจัดการข้อมูลทางการแพทย์ เครื่องมือช่วยในการรักษาทางการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial intelligence) เช่น การใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเพื่อช่วยลดระยะเวลาการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ลงและลดระยะเวลาของการพักฟื้นของผู้ป่วย รวมถึงลดอาการบาดเจ็บและลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด นอกจากนี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีแห่งใหม่ยังให้ความสำคัญกับการลดระยะเวลาในการรอรับบริการของผู้ป่วย เช่น การใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการจ่ายยา”

คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “มูลนิธิรามาธิบดีฯ เดินหน้าผลักดันความก้าวหน้าทางการแพทย์ควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสให้ประชาชนไทยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง พร้อมเปิดตัวโครงการ “รามา+1 เพิ่มพื้นที่ บวกความหวัง” และภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ชุดใหม่จากเรื่องราวของ “ความหวัง” เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยระดมทุนให้แก่โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญในปีนี้และอย่างน้อยอีก 7 ปีข้างหน้า การสื่อสารภายใต้โครงการ “รามา+1 เพิ่ม

พื้นที่ บวกความหวัง” สะท้อนให้เห็นว่า มูลนิธิรามาธิบดีฯ นั้นตระหนักถึงพลังของการให้ และขอบคุณทุกน้ำใจที่ส่งต่อความช่วยเหลือและสร้างความหวังร่วมกันมาโดยตลอด จึงขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมเป็นพลังบวกหนึ่งในการสร้างโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ซึ่งอาคารแห่งนี้จะดูแลผู้ป่วยที่ใช้สิทธิรักษาเบิกจ่ายประกันสังคม และสิทธิพื้นฐานต่าง ๆ”

ภายในงานแถลงข่าว ฐิสา-วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร ตัวแทนนักแสดงจิตอาสาร่วมแบ่งปันมุมมองในเรื่อง “ความหวัง” พร้อมเชิญชวนแฟนคลับร่วมซื้อเสื้อยืดสุขใจ เพื่อระดมทุนเข้าโครงการฯ และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีในอนาคตร่วมกัน พร้อมด้วยการเปิดตัวกิจกรรม “#A4SpaceChallenge” ชวนทำคอนเทนต์ที่สะท้อนถึงพื้นที่ที่มีอยู่จำกัดในอาคารเก่าและแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นการก่อสร้างอาคารใหม่ของโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยวิธีการเล่นคือ จับกลุ่ม 4 คนมายืนด้วยกันบนกระดาษ A4 ให้ครบ 10 วินาที และร่วมกันท้าต่อเพื่อน ๆ ให้เล่นชาเลนจ์นี้ต่อ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เชิญชวนบริจาคเงินให้โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี โดยทุกคนสามารถร่วมทำชาเลนจ์แล้วโพสต์รูปหรือคลิปลงในโซเชียลมีเดียพร้อมแทค #A4SpaceChallenge ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ออกแบบภายใต้แนวคิด “เข้าใจเขา เข้าใจเรา เข้าใจทุก(ข์)คน” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการแก้ไขปัญหาด้านความแออัดของพื้นที่อาคารเดิม โดยตั้งเป้าหมายการระดมทุนเพิ่มเติมจากการสนับสนุนของภาครัฐบาลรวมจำนวน 9,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ดำเนินการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลและการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2573

มูลนิธิรามาธิบดีฯ ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นพลังบวกหนึ่งกับโครงการ “รามา+1 เพิ่มพื้นที่ บวกความหวัง” ด้วยการบริจาคเงินสมทบทุนก่อสร้างโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี

ก้าวสู่โอกาสใหม่หุ้นส่วนโรงชำแหละสุกร ปลายทางอาหารปลอดภัย

ชูมณี (Chumanee) วิสาหกิจเพื่อสังคม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านสะดวกซัก Otteri wash & dry ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา สานต่อการทำดีเพื่อสังคม จัดงานแถลงข่าวโครงการ Wash & Share “ซักเพื่อให้” ครั้งที่ 3 เพื่อช่วยลดปัญหาขยะเสื้อผ้าจํานวนมหาศาล ที่เกิดจากอุตสาหกรรม Fast Fashion โดยการเปิดรับบริจาคเสื้อผ้าแล้วนำมาซักทำความสะอาดก่อนกระจายต่อไปยังผู้ที่ขาดแคลน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีต่อผู้ยากไร้และคนในสังคม
ณ มูลนิธิกระจกเงา

นายกวิน นิทัศนจารุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า “เค-เน็กซ์ มีปณิธานอันแน่วแน่ที่อยากให้คนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง รวมไปถึงด้านสุขภาวะ ซึ่งเราพบว่าในปัจจุบันคนในสังคมมีพฤติกรรม “เบื่อแล้วทิ้ง” สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันก่อให้เกิดขยะเสื้อผ้าล้นเมือง จึงมีแนวคิดในการริเริ่มโครงการ Wash & Share “ซักเพื่อให้” โดยจัดขึ้นเป็นปีที่ 3  เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักให้สังคมเห็นถึงความสำคัญของการ “บริจาค” และปลุกกระแสการซักทำความสะอาดก่อนแบ่งปันเสริมสร้างสุขภาพอนามัยที่ดีต่อผู้รับ และเป็นการรีไซเคิลผ้าหมดสภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้บริจาคเสื้อผ้าเข้ามากว่า 250 ตัน โดยจะนำเสื้อผ้าที่ได้รับบริจาคมาทำการคัดสภาพและซักทำความสะอาด แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกส่งต่อให้ผู้ที่ขาดแคลน ส่วนที่สองส่งต่อให้แก่มูลนิธิกระจกเงาในการคัดแยกเพื่อนำมาขายต่อในราคาถูกเพื่อหารายได้ และส่วนสุดท้ายส่วนที่ไม่สามารถส่งต่อหรือขายได้ จะถูกส่งให้พาร์ทเนอร์ในการรีไซเคิลทอเป็นผ้า แล้วตัดเย็บให้เป็นเสื้อยืดตัวใหม่เพื่อบริจาคต่อไป”

โครงการ Wash & Share “ซักเพื่อให้” ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างชูมณี และมูลนิธิกระจกเงา พร้อมด้วยพาร์ทเนอร์สำคัญ อาทิ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด, บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), บริษัท ไอ.พี. วัน จำกัด, บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน), บริษัท เวิสฟอร์ จำกัด, บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท แสงเจริญแกรนด์ จำกัด และบริษัท ตระกูลเฉิน จำกัด โดยเปิดรับบริจาคเสื้อผ้า 4 ประเภท ประกอบด้วย เสื้อผ้าแฟชั่น, ชุดนักเรียน, ผ้าขนหนูและผ้าเช็ดตัว และตุ๊กตา โดยเปิดรับบริจาคระหว่างวันที่ 1 –31 มีนาคม 2567 นี้ ผ่านจุดรับบริจาค Otteri wash & dry สาขาที่ร่วมโครงการทั้ง 314 สาขา ทั่วประเทศ โดยมีอินฟูลเอนเซอร์ชื่อดัง มะเขือ และต้องตา จาก “เพจของเพื่อน” ร่วมเป็นกระบอกเสียงในการเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ

นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถมีส่วนร่วมกับ Art Exhibition โดยศิลปิน เอ๋-วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ เจ้าของผลงานศิลปะจากขยะ ที่มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานจากผ้าเสียที่ไม่สามารถส่งต่อได้ ในคอนเซ็ปต์ “จากซักตาก-สู่การซักอบ และผลกระทบมหาศาลจาก Fast Fashion” ซึ่งจะจัดขึ้นเร็ว ๆ นี้

นายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK เข้าร่วมงาน “แบ่งฝัน & ปันรัก...ทำดีเพื่อเพื่อนมนุษย์” จัดโดยมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูพัฒนาเด็กและครอบครัว (ฟอร์เด็ก) ในโอกาสมูลนิธิเปิดดำเนินงานครบรอบ 26 ปี และ EXIM BANK เป็นผู้สนับสนุนหลักของมูลนิธิ โดยผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK บริจาคเงินโดยตัดบัญชีเงินเดือนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2542 และในโอกาสนี้ EXIM BANK ได้ร่วมกิจกรรมและสนับสนุนค่าอาหารและอุปกรณ์การศึกษาให้แก่เด็กและครอบครัวผู้ยากไร้ พร้อมมอบทุนการศึกษาระดับอาชีวศึกษาจำนวน 5 ทุน ภายใต้โครงการ EXIM เพื่อโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 230,000 บาท โดยมี ดร.อัมพร วัฒนวงศ์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ มูลนิธิฟอร์เด็ก ให้การต้อนรับ ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนวัดมหาวงษ์ มูลนิธิฟอร์เด็ก 6 จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567

X

Right Click

No right click