บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวยอดนิยมในประเทศไทยภายใต้ Jack ’n Jill ประกาศความสำเร็จของ 2 แบรนด์เรือธงอย่าง “ฟันโอ” และ “ทิวลี่” ในการคว้ารางวัล “2023 Top Influential Brands Awards สุดยอดแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุดแห่งปี” ที่ครองใจผู้บริโภคมากที่สุดในกลุ่มบิสกิตและกลุ่มเวเฟอร์ จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคทั่วภูมิภาคเอเชีย จัดโดย บริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับ บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด โดยมี นางสาวพรทิพย์ ลีลาเลิศวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนเข้ารับรางวัล

นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย ลาว และ กัมพูชา บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ยูอาร์ซี ได้รับ 2 รางวัลจากเวทีใหญ่ “2023 Top Influential Brands Awards” คือ รางวัลสุดยอดแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุด หมวดหมู่บิสกิต โดยแบรนด์ “ฟันโอ” และ หมวดหมู่เวเฟอร์ โดยแบรนด์ “ทิวลี่” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ และก้าวสำคัญเพื่อยืนยันว่า ยูอาร์ซี เราดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่น ใส่ใจ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค และคอยพัฒนาสินค้าให้ทันตามเทรนด์ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เราครองใจผู้บริโภคจนได้รับรางวัล คือ

  1. ด้านผลิตภัณฑ์ (Product Innovation) ยูอาร์ซีเรามีทีมวิจัยและพัฒนาของเราเอง เพื่อจับตาตลาดเทรนด์ผู้บริโภค และพัฒนาสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
  2. Value for money สินค้าของยูอาร์ซี เราคัดสรรแต่สิ่งที่มีคุณภาพ คุ้มค่าคุ้มราคา เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย
  3. สามารถหาซื้อได้ง่าย มีวางจำหน่ายในร้านค้าชั้นนำทั่วไป อาทิ 7-Eleven, Lotus, BigC
  4. เป็นสินค้าคุณภาพ ได้รับการรับรองและรางวัลการันตีมากมายจากหลายหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน อาทิรางวัล FDA Quality Award ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน และรางวัลล่าสุดอย่าง 2023 Top Influential Brands Awards ที่กล่าวไปข้างต้น

โดยในปี 2024 เราวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดครอบคลุม 360 องศา เสริมแกร่งให้ผลิตภัณฑ์เรือธงอย่างแบรนด์ฟันโอ และทิวลี่ โดยเปิดไตรมาสแรกด้วยแคมเปญใหญ่ แจกหนักจัดเต็มทั้ง 2 แบรนด์ ได้แก่ แคมเปญ "ฟันโอ รวยเรียกพี่คุกกี้ทองคำ ลุ้นทองคำกว่า 3 ล้านบาท และแคมเปญ "ทิวลี่ ทวิน ฟินเป็นคู่ แจกโชคจัดหนัก ลุ้นโชคกว่า 1.3 ล้านบาท" คืนกำไรให้แก่ผู้บริโภคที่สนับสนุนเราด้วยดีเสมอมา ยูอาร์ซี ผลักดันการออกสินค้าที่มีนวัตกรรม สร้างสีสันและความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมในตลาด โดยล่าสุดกับ ฟันโอลาวา คุกกี้ไส้ช็อกลาวา พร้อมรุกตลาด Segment Premium เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคที่มากขึ้น และยังอัปเดทเทรนด์ผู้บริโภคอยู่เสมอ โดยล่าสุดกับเทรนด์ช็อกมินต์ที่มาแรง แบรนด์ทิวลี่ก็ไม่พลาดที่จะออกรสชาติใหม่ ทิวลี่ ซีเล็ค ช็อกมินต์ เพื่อสร้างความตื่นเต้น แปลกใหม่ให้แก่ตลาดเวเฟอร์ นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ของทั้ง 2 แบรนด์ เพื่อเป็นกระบอกเสียงทวีคูณความสนุกเอาใจผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น เบิ้ล ปทุมราช นักร้องระดับไอคอนดนตรีสไตล์อีสาน มาเป็นพรีเซนเตอร์ แบรนด์ฟันโอ และ โจอี้ ภูวศิษฐ์ นักร้องสายร็อคเจ้าของเพลงดัง 100 ล้านวิว มาเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ทิวลี่ ตอกย้ำว่ายูอาร์ซีจะคืนความสุขแบบจัดเต็มตลอดทั้งปี

สำหรับรางวัล 2023 Top Influential Brands Awards นับเป็นการมอบรางวัลใหญ่แห่งปีที่จัดทำขึ้นใน 6 ประเทศทั่วเอเชีย โดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ จำกัด และ บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จํากัด ประเทศไทย โดยแบรนด์ที่ได้เข้ารับรางวัลในครั้งนี้เป็นผลมาจากเสียงของผู้บริโภคจากการทำวิจัย จำนวนกว่า 600 ราย ในกลุ่ม Generation Z และ Generation Y ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม โดยให้ความสำคัญและมอบรางวัลให้แก่ธุรกิจที่สามารถขยายกิจการ ทำผลประกอบการให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับพนักงานยูอาร์ซีทุกคน ในการมุ่งมั่น ทุ่มเท และไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ด้าน เพื่อมอบประสบการณ์การที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค ด้วยนโยบาย Delight Everyone with Good Food Choices ดังที่เรายึดมั่นตลอดมา” นายฐานันท์กล่าวปิดท้าย

บริษัท ชูมณี จำกัด วิสาหกิจเพื่อสังคม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านสะดวกซัก Otteri wash & dry ร่วมกับ เรือนจำจังหวัดนนทบุรี “ลงนามบันทึกความเข้าใจในการพัฒนากลุ่มอาชีพงานบริการซักอบรีดและอาชีพในอุตสาหกรรมการโรงแรมครบวงจร” เพื่อพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้เป็นคนที่มีคุณภาพ สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้ผู้ต้องขังมีความรู้และสามารถอยู่ร่วมกับสังคมภายนอกได้อย่างปกติสุขภายหลังพ้นโทษ และไม่กระทำผิดซ้ำในอนาคต ณ กรมราชทัณฑ์
กระทรวงยุติธรรม

นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า “กรมราชทัณฑ์มีนโยบายอันเป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาระบบเครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังในรูปแบบทวิภาคี ได้แก่ สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐ เอกชน เรือนจำ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายอย่างชูมณี ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษต่อไป”

นายกวิน นิทัศนจารุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูมณี จำกัด เปิดเผยว่า “ชูมณี” ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมจากการขับเคลื่อนโครงการ มาจากการมองเห็นปัญหาต่างๆ ในสังคม และพยายามนำธุรกิจไปเป็นหนึ่งแนวทางช่วยแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาให้ผ่อนคลายลงได้ไม่มากก็น้อย และการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับเรือนจำจังหวัดนนทบุรีในครั้งนี้ เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมอบโอกาส ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ และช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจให้คนที่เคยทำผิดพลาดอย่างผู้ต้องขัง ให้สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “โอกาสในการทำงาน” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด พัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังให้กลับตนเป็นคนดี ประเทศไทยพบปัญหาผู้พ้นโทษกระทำผิดซ้ำสูงมาก เพราะไม่มีการให้พื้นที่ให้โอกาส ในการประกอบอาชีพและเข้าสู่ตลาดแรงงาน ผู้พ้นโทษจำนวนมากไม่มีที่ไป ไม่มีบ้านให้กลับ ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม แม้กระทั่งคนในครอบครัว จนต้องกลับสู่วงจรชีวิตเดิม และกระทำผิดซ้ำ จนต้องกลับสู่เรือนจำอีกครั้ง”

สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจในการพัฒนากลุ่มอาชีพงานบริการซักอบรีดและอาชีพในอุตสาหกรรมการโรงแรมครบวงจร ชูมณี ถือเป็นองค์กรหลักในการช่วยส่งเสริมความรู้ ฝึกอบรมความสามารถในการให้บริการ ซัก อบ รีด ให้แก่ผู้ต้องขัง พร้อมส่งมอบวัสดุอุปกรณ์ในการอำนวยความสะดวกแก่การเรียนรู้ จนเกิดการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังได้มีรายได้ตั้งแต่ยังไม่พ้นโทษ จนมีอาชีพ เตรียมความพร้อมให้ผู้ต้องขังสามารถกลับคืนสู่สังคมได้หลังพ้นโทษ และไม่กระทำผิดซ้ำในอนาคต

นอกจากนี้ ชูมณี ร่วมกับตั้งต้นดี และภาคีเครือข่าย ในการร่วมสนับสนุนให้ผู้ต้องขังได้รับโอกาสใหม่ โดยการจ้างงานผู้พ้นโทษจากเรือนจำ ที่ผ่านการอบรมให้บริการ ซัก อบ รีด เข้าทำงานที่ศูนย์ฝึกอาชีพ ซัก อบ รีด ตั้งต้นดี By ชูมณี ให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ความปลอดภัย ด้านสุขอนามัยและแรงงาน เพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้พ้นโทษ ตามที่เห็นสมควรภายใต้การดูแลของ ตั้งต้นดี ที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) Thailand Institute of Justice (TIJ)

 

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 31 ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย สำนักงานใหญ่ ถนนสาทรใต้ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 นำโดยนายชัย โสภณพนิช (กลาง) ประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ (จากซ้ายไปขวา) นายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ กรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนและสรรหา นายกองเอกเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช กรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และนายเอนก คีรีเสถียร เลขานุการบริษัท โดยที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติเห็นชอบทุกวาระการประชุมตามที่คณะกรรมการเสนอ

“ทิปโก้ (TIPCO)” น้ำผลไม้แท้ 100% โดย บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด จัดเต็มความมันส์ เดินหน้าอัพเลเวลความสนุก สร้างความหลากหลาย และไลฟ์สไตล์ใหม่ในการดื่มน้ำผลไม้ ส่งแคมเปญ TIPCO HOLIC เฟรช..ทุกสตอรี่” เสิร์ฟความสดชื่น ท้าโลกร้อนในคอนเซปต์ “Food Holic – Fun Holic – Music Holic ไม่ว่าจะ Holic ไหนก็ Enjoy ได้กับ Tipco” ให้เหล่า Gen Z ได้ลิ้มลองและพิสูจน์ความเฟรชของน้ำผลไม้ที่เข้ากับทุกแอคติวิตี้ พร้อมดึงไอคอนสาวแห่งวงการ T-POP ตัวแทนของวัยรุ่นเจเนอเรชั่นซี อย่าง 3 สาว “มาเบล – พิมมา – อิงโกะ” จากวง PiXXiE รับหน้าที่พรีเซนเตอร์กลุ่มใหม่ ร่วมตะลุย จู๊ซมัลติเวิร์สจักรวาลแห่งความเฟรช พร้อมปล่อยให้รับชมพร้อมกันทั่วประเทศ ที่ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ เมื่อเร็วๆ นี้

นายณัฐวิทย์ กัณฐศากุล Group Marketing Director ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด เปิดเผยว่า “ทิปโก้ ต่อยอดความสำเร็จในการเป็นเจ้าแรกที่ปลุกกระแสพลิกเกมตลาดน้ำผลไม้ผ่านแคมเปญการสื่อสาร TIPCO HOLIC และแคมเปญในปีนี้ TIPCO HOLIC เฟรช..ทุกสตอรี่”เราอยากให้น้ำผลไม้ทิปโก้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในทุก ๆ แอคติวิตี้ของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่นิวเจเนอเรชัน ครั้งนี้เราเลือกน้อง ๆ จากวง PiXXiE เป็นตัวแทนของแบรนด์ในการนำเสนอความสดใส สนุก เฟรชชี่ และความแอคทีฟ ซึ่งทั้ง 3 สาว นอกจากจะมีความสามารถทางดนตรีแล้ว ยังมีความโดดเด่นและมีสไตล์ที่แตกต่างกันแต่เมื่อรวมตัวกันมีความเข้ากันได้อย่างลงตัว เปรียบเสมือนน้ำผลไม้ทิปโก้ที่มีหลากหลายรสชาติให้ได้ลิ้มลอง ซึ่งทุกรสชาติมีความอร่อยที่แตกต่าง สามารถเติมเต็มความสดชื่นได้ทุกช่วงเวลา  ซึ่งสะท้อน Brand Character ของทิปโก้ และสิ่งที่ต้องการสื่อไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ”

นางสาวสุพิชชา ชูพินิจ Department Manager – Group Product  Management บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด เปิดเผยว่า “แคมเปญ TIPCO HOLIC เฟรช..ทุกสตอรี่” นี้ สานต่อความสำเร็จของแคมเปญ“TIPCO HOLIC” โดยมุ่งเน้นกลุ่ม Gen Z มากขึ้น โดยจับมือกับ PiXXiE กระโดดเข้าโลก Multiverse สร้างโฆษณาและแคมเปญสนุกสุดมันส์ หยิบ AI Technology มาสร้างมิติใหม่ ในการดื่มน้ำผลไม้ อีกทั้งยังกระตุ้น สื่อสาร สร้างความตื่นเต้นให้คน GEN Z ให้มีความสนใจในแบรนด์และดื่มน้ำผลไม้ทิปโก้มากขึ้น และนอกจากนี้ แคมเปญในปีนี้จะมีความสนุกสนานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการสื่อสาร การจัดอีเวนท์ และกิจกรรมที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการส่งเสริมการขายที่ดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วย”

ด้าน PiXXiE ในฐานะพรีเซนเตอร์คนใหม่ของแคมเปญ กล่าวว่า “ปลื้มใจมากๆ ที่ ทิปโก้ เห็นว่าเราทั้ง 3 คน เหมาะสมที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ และร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนมาร่วมสนุก พร้อมเปิดประสบการณ์ความสดชื่นกับน้ำผลไม้ทิปโก้ร่วมกัน และที่สำคัญทิปโก้เป็นแบรนด์ที่พวกเราดื่มเป็นกันประจำอยู่แล้ว ทั้งหลังจากตื่นนอน หลังจากการซ้อม และหลังจากลงจากเวที น้ำผลไม้ทิปโก้อยู่กับเราในทุกกิจกรรมตลอดทั้งวันเลยค่ะ”

ภายในงานเปิดตัวแคมเปญฯ ได้จำลองบรรยากาศงานเสมือนอยู่ใน Juice Multiverse ที่พร้อมให้ทุกคนในงานได้สนุกไปกับ VR GAME พร้อมร่วมรับชมภาพยนตร์โฆษณาใหม่ล่าสุด TIPCO HOLIC     เฟรช..ทุกสตอรี่”  ที่ 3 สาว PiXXiE กระโดดเข้าไปในโลก Multiverse และแฟนๆ จะได้ร่วมลุ้นเครื่องดื่ม Signature จาก PiXXiE ที่จะมาร่วมทำเมนูสุดพิเศษสไตล์ TIPCOHOLICxPiXXiE พร้อมโชว์สุดพิเศษให้กับเหล่า PiXXEL ได้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม ท่ามกลางบรรยากาศแสนสนุกสนาน

สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน (TSAST) China Council of the Promotion for International Trade Shanghai และ Chinese Academy of Sciences, Innovation Cooperation Center of Bangkok จัดงาน Green Technology Expo 2024“เปิดประตูสู่อนาคต ”Driving Sustainable Solutions: Advancing Business Through Green Technology ส่งเสริมแผนงานความยั่งยืน ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสีเขียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน (TSAST) China Council of the Promotion for International Trade Shanghai และ Chinese Academy of Sciences, Innovation Cooperation Center of Bangkok ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว เพื่อประกาศการจัดงาน "Green Technology Expo 2024" ที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) Hall 101-102 โดยงานกำหนดจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 24 – 26 ตุลาคม 2567 ซึ่งการจัดงานครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-จีน (TSAST) และหน่วยงานจีนที่เกี่ยวข้อง มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนนโยบายของสหประชาชาติและการพัฒนาแบบยั่งยืน (SDG) และ Bio-Circular-Green Economy (BCG Economy) เพื่อรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ งานนี้จะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ แนวคิด และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อสร้างธุรกิจและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

โดยภายในงานจะมีการจัดแสดงนิทรรศการหลากหลายโซน ตั้งแต่เทคโนโลยีเกษตรกรรม การอาหาร ไปจนถึงเทคโนโลยีพลังงานใหม่ และการจัดการน้ำและมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การบริการให้คำปรึกษาด้าน Green Energy และการเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการ นักวิจัย และผู้สนใจทั่วไปที่ต้องการสร้างความร่วมมือและหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ

การจัดงานนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก นับเป็นโอกาสที่จะเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์รุ่นใหม่ในภูมิภาค ดังงนั้นงานนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมนโยบายเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า

ประธานสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-จีน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย กล่าวถึงบทบาทของสมาคมในการนำเสนอวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคน ได้ชี้แจงถึงความสำคัญของ "Green Technology" ท่ามกลางปัญหาภาวะโลกร้อนและสภาวะโลกเดือดที่เราเผชิญในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อ 200 ปีที่แล้ว และการกระทำของมนุษย์

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย ได้หยิบยกความเห็นของบิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา จากหนังสือเล่มหนึ่ง ที่กล่าวว่าภาวะโลกร้อนเกิดจากเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้นมา และในการแก้ไขปัญหานี้เราไม่ควรใช้เทคโนโลยีแบบเดิม ๆ แต่ควรออกแบบเทคโนโลยีใหม่ที่เอื้อต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน มีราคาที่เหมาะสม และเข้าถึงได้ง่าย เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับทุกคน

“จากแนวคิดนี้จึงเกิดการผลักดัน Green Technology ที่ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากหลายประเทศที่ตระหนักถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง งาน Green Technology Expo จึงเป็นสถานที่สำคัญในการรวมรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ไขและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน”

ศาสตราจารย์ ดร.พิชัย สนแจ้ง เลขาธิการสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-จีน ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับงาน "Green Technology Expo" ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24-26 ตุลาคม 2567 ณ ไบเทคบางนา โดยกล่าวว่า งานนี้เป็นโอกาสในการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Green Technology ซึ่งรวมถึงการลดต้นทุนการผลิต การใช้ทรัพยากร และการลดการปล่อยของเสียและภาระต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต

ศาสตราจารย์ ดร.พิชัย กล่าวต่อว่า "งานนี้จะนำเทคโนโลยีที่นำเสนอมาเผยแพร่ในประเทศไทย เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศไทย, จีน และชุมชนนานาชาติ ในการส่งเสริมการใช้ Green Technology เพื่อเพิ่มมูลค่าในการผลิตอุตสาหกรรมและกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละภาคส่วน งานนี้ยังเป็นการแสดงความร่วมมือไทย-จีน และความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีสีเขียวไปสู่อนาคต โดยมุ่งหวังให้เกิดการตั้งค่าคาร์บอนซีโร่ตามแนวทางที่รัฐบาลไทยและความร่วมมือนานาชาติได้วางไว้ ภาคการผลิตและภาคประชาชนจะต้องตระหนักถึง Climate change และ Carbon Footprint เพื่อลดต้นทุนการผลิตและสร้างโลกสีเขียวต่อไป"

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน ติดตามข้อมูลและข่าวสารของงาน Green Technology Expo 2024 เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.greentechnology-expo.com หรือที่เพจเฟซบุ๊ก Green Technology Expo

ปักหมุดดัน TikTok LIVE ขยายศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลไทยและในระดับภูมิภาค

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ได้ว่าจ้างบริษัท ไออีทีแอล จำกัดให้ดำเนินการปรับปรุงผิวจราจรบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษดินแดง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จึงมีความจำเป็นจะต้องปิดและเบี่ยงจราจรตั้งแต่วันที่ 22 - 28 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 21.00 น. - 04.00 น. ของทุกวัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. วันที่ 22 เมษายน 2567 ปิดช่องจราจรบริเวณหน้าด่าน ฯ ช่องทางที่ 8 ช่องทางที่ 9 และช่องทางที่ 10
  2. วันที่ 23 เมษายน 2567 ปิดช่องจราจรบริเวณหน้าด่าน ฯ ช่องทางที่ 6 และช่องทางที่ 7
  3. วันที่ 24 เมษายน 2567 ปิดช่องจราจรบริเวณหน้าด่าน ฯ ช่องทางที่ 3 ช่องทางที่ 4 และช่องทางที่ 5
  4. วันที่ 25 เมษายน 2567 ปิดช่องจราจรบริเวณหน้าและหลังด่าน ฯ ช่องทางที่ 1 และช่องทางที่ 2
  5. วันที่ 26 เมษายน 2567 ปิดช่องจราจรบริเวณหลังด่าน ฯ ช่องทางที่ 3 ช่องทางที่ 4 และช่องทางที่ 5
  6. วันที่ 27 เมษายน 2567 ปิดช่องจราจรบริเวณหลังด่าน ฯ ช่องทางที่ 6 และช่องทางที่ 7
  7. วันที่ 28 เมษายน 2567 ปิดช่องจราจรบริเวณหลังด่าน ฯ ช่องทางที่ 8 ช่องทางที่ 9 และช่องทางที่ 10

ทั้งนี้ กทพ. ได้มีการติดตั้งป้ายเตือนก่อนถึงพื้นที่ดำเนินการและติดตั้งไฟสัญญาณต่างๆ ป้ายประชาสัมพันธ์การเบี่ยงการจราจรพร้อมไฟวับวาบเพื่อให้สัญญาณแก่ผู้ใช้ทางพิเศษทราบล่วงหน้า

กทพ. ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้และขอความร่วมมือผู้ที่ใช้เส้นทางบริเวณดังกล่าวโปรดสังเกตป้ายเตือน สัญญาณจราจรต่างๆ และปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการทางพิเศษ หากมีข้อร้องเรียน แจ้งเหตุหรือข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์กรุณาแจ้งได้ที่ โทร 09 0992 2747 คุณฐิติกร แก้วประชา (วิศวกรควบคุมงาน)

“น้ำ” คือทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญยิ่ง ทั้งใช้ในการอุปโภค บริโภค ในครัวเรือน ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม การบริหารจัดการน้ำที่ดีย่อมทำให้มีทรัพยากรน้ำไว้ใช้ได้อย่างเพียงพอ นวัตกรรม 'ธนาคารน้ำใต้ดิน' นับเป็นหนึ่งในการบริหารจัดการน้ำแบบสมดุลที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ในการรับมือภัยแล้งและน้ำท่วม จากความแปรปรวนของสภาวะอากาศที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

วันนี้ พาขึ้นเหนือไปจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อชมความสำเร็จของ หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงพชร ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ที่นอกจากจะเป็นหมู่บ้านต้นแบบ “ชุมชนคนเลี้ยงหมู” แล้ว ที่นี่ยังเดินหน้าโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน จนปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรม

พิเชษฐ์ ใหญ่แก่นทราย ประธานหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร เล่าที่มาว่า โครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ประสบปัญหาการระบายน้ำท่วมขังจากน้ำฝนในบริเวณพื้นที่โครงการฯ มาอย่างยาวนาน ชาวชุมชนจึงได้ร่วมกันศึกษาค้นคว้าวิธีการแก้ปัญหา จนมาพบกับรูปแบบการบริหารจัดการน้ำผิวดินสู่ใต้ดิน (Ground Water Recharge) หรือการทำธนาคารน้ำใต้ดิน ทั้งแบบบ่อปิดและแบบบ่อเปิด ที่ช่วยลดปัญหาปริมาณน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน ทำให้สามารถนำพื้นที่กลับมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้อย่างยั่งยืน

 

การดำเนินโครงการฯ ตามกลยุทธ์ “ขีด คิด ร่วม ข่าย” จากการนำ “ขีด” ความสามารถของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบน้ำมาขับเคลื่อนโครงการฯ ภายใต้การสนับสนุนของผู้บริหารหมู่บ้านฯ ร่วมกับทีมงานของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่มาร่วม “คิด” นำแนวคิดนวัตกรรมสู่ความยั่งยืนด้วยการทำธนาคารน้ำ ที่ช่วยลดปัญหาปริมาณน้ำท่วมขัง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำและนำพื้นที่กลับมาใช้ประโยชน์ ผ่านการมีส่วน “ร่วม” ของทีมงานและผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด ที่ร่วมกันสนับสนุนร่วมถึงวางแผนงานโครงการ และร่วมพัฒนาแหล่งเรียนรู้ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างเครือ “ข่าย” ความร่วมมือกับเครือข่ายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้แก่ชุมชนและหน่วยงานต่างๆ

โครงการฯนี้ เริ่มต้นจากการศึกษาดูงานความสำเร็จของโครงการธนาคารน้ำใต้ดินของ หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ และถ่ายทอดต่อไปยังเกษตรกร ขณะเดียวกัน ได้เชิญวิทยากรจาก อบต.วังหามแห จ.กำแพงเพชร มาบรรยายให้ความรู้ และทำ Work shop ร่วมกันทั้งชาวชุมชน เกษตรกร และทีมงาน รวมทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญจากหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า มาให้คำแนะนำโครงการฯ กระทั่งสามารถสร้างระบบธนาคารน้ำใต้ดิน ทั้งรูปแบบบ่อปิดและแบบบ่อเปิด รวม 10 บ่อในพื้นที่โครงการ

“ธนาคารน้ำใต้ดิน เป็นการบริหารจัดการน้ำใต้ดินแบบครบวงจร ช่วยแก้ไขปัญหาทั้งปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม และน้ำหลาก และยังช่วยป้องกันการสูญเสียสมดุลของน้ำใต้ดิน หลังจากดำเนินโครงการฯนี้แล้ว สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มพื้นที่ทางการเกษตรให้กับชุมชน ทั้งยังสร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับเกษตรกร ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้การบริหารการจัดการกักเก็บน้ำใต้ดิน ถ่ายทอดองค์ความรู้และเป็นสถานที่ศึกษาดูงานของหน่วยงาน และน้องๆนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่ และวางแผนต่อยอดสู่การเป็นศูนย์เรียนรู้หลักสูตรชลกร ร่วมกับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกำแพงเพชรต่อไป” พิเชษฐ์ กล่าว

การดำเนินโครงการตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา ธนาคารน้ำใต้ดินทั้ง 10 บ่อ มีส่วนช่วยเพิ่มพื้นที่ทำการเกษตรในโครงการหมู่บ้านฯ ได้ถึง 50 ไร่ นอกจากนี้ ยังขยายผลสู่ “โครงการ 1 บ้าน 1 บ่อ” ส่งเสริมการสร้างบ่อระบบปิดในบ้านเกษตรกรในโครงการฯ นำร่องแล้ว 12 ครัวเรือน และวางเป้าหมายขยายโครงการฯ ให้กับเกษตรกรทั้งหมู่บ้านสุกรพันธุ์และสุกรขุนครบทั้ง 40 ครัวเรือน ภายในปี 2567 นี้

วันนี้หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร สามารถแก้ปัญหาของพวกเขาด้วยนวัตกรรมธนาคารน้ำใต้ดิน โดยการฝากน้ำไว้กับดิน ที่ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง และป้องกันปัญหาภัยแล้ง ทำให้มีน้ำใช้ในการเลี้ยงสุกรและการเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี ช่วยสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำอย่างเป็นรูปธรรม

หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การสนับสนุนของเครือซีพีและซีพีเอฟ ทั้งด้านการสร้างอาชีพมั่นคงยั่งยืนจากการเลี้ยงหมู และมีรายได้จากการเพาะปลูกพืช ปลูกผักกระเฉดน้ำ เลี้ยงปลาดุก-ปลาสวาย และปุ๋ยมูลสุกรตากแห้ง ที่เป็นอาชีพเสริม ดังที่ดำเนินการมาตลอด 45 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้ที่นี่เป็น “หมู่บ้านสามัคคี เทคโนโลยีทันสมัย พัฒนาก้าวไปอย่างยั่งยืน”

คลิกชมคลิป

 

คุณสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพิ่มช่องทางการซื้อประกันภัยให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการใน พีทีที สเตชั่น กว่า 500 แห่ง ทั่วประเทศที่ร่วมรายการ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการซื้อประกัน โดยลูกค้าสามารถสแกน QR Code ที่ติดตั้งไว้บนป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อเลือกซื้อประกันภัยตามต้องการ ได้แก่ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พรบ.) , ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และประกันภัยการเดินทางในประเทศ พร้อมทั้งชำระเงิน รับกรมธรรม์ผ่านช่องทางออนไลน์ ได้รับความคุ้มครองทันทีจากทิพยประกันภัย นอกจากนี้ ลูกค้ายังได้รับแต้มสะสม Blue Point จากการซื้อประกันภัยอีกด้วย (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1736

ยกระดับคุณภาพชีวิตสูงวัยป่วย สร้างรอยยิ้ม สร้างรายได้ชุมชน

X

Right Click

No right click