โรงพยาบาลเอกชล หรือ AHC ประกาศทิศทางธุรกิจปี 2567 ปรับโฉมใหม่ สร้างจุดแข็งเพิ่มโอกาสการแข่งขัน ยกระดับความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ เตรียมพัฒนาบริการเฉพาะทาง เล็งจับมือพันธมิตรขยายฐานกลุ่มลูกค้า ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% ด้านความร่วมมือ Id Hospital กระแสตอบรับดี รุกทำตลาด เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

นายสิริพจน์ มาโนช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) หรือ AHC โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกใน จ.ชลบุรี ให้บริการสุขภาพทั้ง 4 ด้านครบวงจร ได้แก่ บริการตรวจรักษาโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพ ป้องกันโรค และส่งเสริมสุขภาพ เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2567 โรงพยาบาลวางกลยุทธ์สร้างจุดแข็งเพื่อเพิ่มโอกาสการแข่งขัน ยกระดับความเชี่ยวชาญการแพทย์ พัฒนาบริการเฉพาะทาง ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลจัดศูนย์ทางการแพทย์เฉพาะทาง เพื่อขยายศักยภาพการดูแลรักษากลุ่มแม่และเด็กแบบครบวงจร โดยมีการจัดให้มีหมอเด็ก (กุมารแพทย์) ที่ประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดให้มีทีมแพทย์เฉพาะทางเพื่อรองรับการดูแล รักษา ผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อน เช่น โรคระบบประสาท โรคกระดูกและข้อ โรคหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ

ขณะที่ โรงพยาบาลเอกชล 2 มุ่งเน้นรับสิทธิประกันสังคม และสิทธิร่วมต่างๆ มีแผนจัดตั้งศูนย์เฉพาะทางมากขึ้นเช่นกัน เริ่มจากการเปิดให้บริการดูแลกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ (Palliative Care) เพื่อขยายบริการให้สามารถรองรับการรักษาพยาบาล ได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น

“จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยของโรงพยาบาล พบว่ามีสัดส่วนผู้ใช้บริการกลุ่มผู้สูงอายุ และเด็ก รวมกันกว่า 65% ของจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมด โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องการแพทย์ พยาบาล ดูแลเป็นพิเศษซึ่งมีแนวโน้มอัตราการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลจึงปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างโอกาสและเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้นในอนาคต” นายสิริพจน์ กล่าว

สำหรับการปรับปรุงห้องผ่าตัด (OR) และห้องผู้ป่วยวิกฤต (ICU) ในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ และหอพักผู้ป่วยชั้น 10 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณช่วงกลางปี อีกทั้ง โรงพยาบาลมีแผนการลงทุนปรับปรุงด้านอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ ห้องพักผู้ป่วยชั้นอื่นๆ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยตั้งงบประมาณการลงทุนกว่า 100 ล้านบาทในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความร่วมมือกับพันธ์มิตรระดับนานาชาติ ในการขยายศักยภาพบริการการแพทย์เฉพาะทาง ขยายโอกาสทางธุรกิจและกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อยกระดับการดูแลรักษา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมให้ธุรกิจโรงพยาบาล มีผู้ใช้บริการที่หลากหลายมากขึ้น และช่วยสร้างฐานรายได้ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ด้านความร่วมมือกับ Id Hospital ประเทศเกาหลีใต้ ให้บริการด้านสุขภาพและความงามครบวงจร (Wellness & Plastic surgery) อยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการให้คำปรึกษา ให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องช่วยในการตัดสินใจแก่ผู้สนใจในการทำศัลยกรรม เพื่อให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ ยังวางแผนการตลาดสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอาทิ คนวัยทำงาน นักศึกษา ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ สร้างการรับรู้เพิ่มขึ้นในวงกว้าง และคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้เร็วๆนี้ เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มอัตราการใช้บริการในแผนกอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย

นายสิริพจน์ กล่าวต่อว่า โรงพยาบาลเอกชล มุ่งเน้นการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน จากแผนการดำเนินงานดังกล่าวเชื่อว่ารายได้ของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถเพิ่มอัตราการทำกำไรดีขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตปี 2567 ไม่ต่ำกว่า 15%

เคทีซีร่วมกับเซโฟรา ตอบรับเทรนด์สมาชิกยุคปัจจุบันที่นิยมเลือกซื้อเครื่องสำอางจากร้านมัลติแบรนด์ (ร้านค้าที่ขายสินค้าหลายแบรนด์) จัดกิจกรรมแนะนำเทรนด์รวมถึงเปิดตัวนวัตกรรมการแต่งหน้ารับฤดูร้อนปี 2024 ที่งาน “เฮ้าส์ ออฟ เซโฟรา” (House of SEPHORA) สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภทแลกคะแนนรับส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนสูงสุด 600 บาท ที่ร้านเซโฟราทุกสาขาและเซโฟราออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 31 กรกฎาคม 2567

 

นายณัฐสิทธิ์ สุนทราณู ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซีได้จับมือกับเซโฟราตอกย้ำพฤติกรรมการใช้จ่ายของสมาชิกบัตรเครดิตที่ชื่นชอบการเลือกซื้อสินค้าเครื่องสำอางที่ร้านมัลติแบรนด์ (ร้านค้าที่ขายสินค้าหลายแบรนด์) เนื่องจากสมาชิกมีทางเลือกในการซื้อมากขึ้น จุดเด่นของร้านเซโฟราคือ มีผลิตภัณฑ์ความงามที่มาจากแบรนด์ดังชั้นนำที่มีเฉพาะที่เซโฟราเท่านั้น (Exclusive at SEPHORA) ครอบคลุมเมคอัพ สกินแคร์ และแฮร์แคร์ นอกจากนี้ สมาชิกเซโฟรา โกลด์ (SEPHORA Gold) ยังได้รับสิทธิพิเศษเข้าร่วมงานต่างๆ อาทิ กิจกรรม “เฮ้าส์ ออฟ เซโฟรา” (House of SEPHORA) ได้สอบถามข้อมูลของสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ รวมถึงอัปเดตเทคนิคการแต่งหน้าจากแบรนด์ที่ชื่นชอบอย่างใกล้ชิด มีกิจกรรมเล่นเกมส์ และแลกรับของรางวัลต่างๆ สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต เคทีซีทุกประเภทสามารถรับสิทธิพิเศษแลกคะแนนรับส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนสูงสุด 600 บาท ที่ร้านเซโฟราทุกสาขาและ SEPHORA Online Thailand (www.sephora.co.th และ แอปพลิเคชัน SEPHORA ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 31 กรกฎาคม 2567

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC PHONE  02 123 5000 หรือที่เว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/promotion/health-beauty/cosmetic/sephora-360 สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก เคทีซี ทัช ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์  https://ktc.today/apply-card  

หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

นางวันเพ็ญ อรรชุนเดชะ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) รับรางวัล State Owned Enterprise ESG Bond of the Year จากนางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ในพิธีมอบรางวัลตราสารหนี้ยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 (ThaiBMA Best Bond Awards 2023) จัดโดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (The Thai Bond Market Association : ThaiBMA) เพื่อยกย่องรัฐวิสาหกิจที่ออกตราสารหนี้ภายใต้กรอบการระดมทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืน (Green, Social, Sustainable Financing Framework) ซึ่งเป็นที่ยอมรับและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ลงทุน อันเป็นผลจากความสำเร็จของ EXIM BANK ในการเสนอขายพันธบัตรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อ SMEs (SME Green Bond) อายุ 3 ปี มูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนสินเชื่อโครงการพลังงานสะอาดให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs ในปี 2566 ต่อเนื่องจากการเสนอขาย Green Bond ครั้งแรกในปี 2565 จำนวน 2 ชุด มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้

จับมือพันธมิตร ส่งมอบผลิตภัณฑ์ - บริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้า 

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ร่วมกับ สถาบัน ChangeFusion ขอเชิญชวนคนรุ่นใหม่ผู้ประกอบการกิจการเพื่อสังคม (SE: Social Enterprise) ที่มีไอเดียคิดธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาสังคมในพื้นที่ ร่วมเวิร์กชอป “เขียนแผนธุรกิจให้โตต่อได้ พร้อมพิชิต ‘ใจ’ ชุมชนและนักลงทุน” ของโครงการ “พลังเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม” (Banpu Champions for Change: BC4C) ปีที่ 13 ด้วยแนวคิด “Impactful Locals, National Boost: ชุมชนแกร่ง ไทยแกร่ง” ภายในงานพบเหล่าเมนเทอร์ที่เชี่ยวชาญด้านการวางแผนธุรกิจและการตลาด ที่จะมาแชร์ความรู้ในการออกแบบและเขียน Impact Business Statement รวมถึง SE รุ่นพี่จากโครงการฯ ที่ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และโซลูชันในการแก้ปัญหาหรือรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันต่างๆ ได้อย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณเข้าใกล้ความสำเร็จในการทำธุรกิจ SE ควบคู่ไปกับการสร้างอิมแพคให้กับชุมชนได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลา 09.30-15.30 น. ที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ – 24 มีนาคม ที่ https://forms.gle/1buV7nQf6YKEQA4Z7 ติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Banpu Champions for Change www.facebook.com/banpuchampions หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 087-075-4815 และอีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อม APM ที่ปรึกษาการเงิน โรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุน กทม.โชว์จุดเด่นพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ก่อนเตรียมเสนอขาย IPO 100 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ระดมทุนปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักร

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO กล่าวว่า บริษัทนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน (โรดโชว์) ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นแห่งสุดท้าย ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยก่อนหน้านี้บริษัทเดินสายโรดโชว์มาแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี, ขอนแก่น, เชียงใหม่ และ สงขลา ซึ่งนักลงทุนทุกจังหวัดให้การตอบรับเป็นอย่างดี จากพื้นฐานการดำเนินธุรกิจที่แข็งแรง ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมกำหนดวันเสนอขายหุ้น IPO และคาดว่าจะนำ APO เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เร็วๆ นี้

นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO มีจุดเด่นคือประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของกลุ่มผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร ที่สืบทอดกิจการกันรุ่นต่อรุ่นตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี มีการพัฒนาระบบการผลิตให้ทันสมัยและมีความพร้อมในการดำเนินงานสม่ำเสมอ อีกทั้งมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องทางการเงินอยู่ในระดับดี และมี D/E Ratio เพียง 0.4 เท่า นอกจากนี้การประกอบธุรกิจภาคเกษตรกรรมทำให้ได้รับการเสนอสินเชื่อจากสถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้

ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นสัดส่วน 29.41% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายหลังการ IPO แล้ว บริษัทจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (AGRO) โดยจะระดมเงินทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรในกระบวนการผลิต เป็นการลดขั้นตอน ระยะเวลา แรงงาน และลดต้นทุนในการผลิต รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและขยายกิจการในอนาคต

นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทุกพื้นที่ โดยเน้นความสำคัญกับการให้ข้อมูลลักษณะธุรกิจและพื้นฐานทางการเงิน เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจถึงศักยภาพการดำเนินงานและโอกาสการเติบโตของบริษัท

ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีทิศทางขยายตัวตามความต้องการทั้งในและต่างประเทศ แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ราคาน้ำมันปาล์มดิบ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความมุ่งมั่นสร้างธุรกิจจากผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบบูรณาการและยั่งยืน เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ภายใต้การจัดหาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ โดยการปรับปรุงกระบวนการผลิต ใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงในการสกัดน้ำมันปาล์ม ส่งผลให้อัตราการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (OER)  ของบริษัทอยู่ในอันดับต้นของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จากการจัดอันดับของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระบี่ และมีต้นทุนที่ต่ำ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสามารถรักษาอัตราการทำกำไรได้ ทั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจอย่างยิ่งในการเดินหน้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อขยายธุรกิจของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง และ สร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคต

ชูนวัตกรรมสินเชื่อยานยนต์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้รถ

อัพทุกไลฟ์สไตล์... ทรู 5G โดย นายฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ โดย นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ส่งแคมเปญ “UP2U อัพเน็ตทรูไม่สะดุด อัพไลฟ์สไตล์ไม่ฉุดฟีล มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า ทรูและดีแทค ทั้งแบบเติมเงินและแบบรายเดือน จัดเต็มประสบการณ์ความบันเทิงสุดคุ้มตลอดปี 2567 รับฟรีบัตรชมภาพยนตร์ที่นั่ง Deluxe 1 ที่นั่ง หรือ Combo Set ไซซ์ M จำนวน 1 ชุด เพียงสมัครแพ็กเกจUP2U ที่ร่วมรายการ ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ 1. สมัครด้วยตนเองผ่านการกด USSD* เลือกแพ็กเกจตามที่ต้องการ  2. สมัครผ่านแอปพลิเคชัน True iService, True Money, TrueID, dtac app  และ 3. ทรูช็อป และดีแทคช้อป ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ถึง  31 ธันวาคม 2567

ลูกค้าทรูและดีแทคสามารถตรวจสอบแพ็กเกจเสริม UP2U ที่ร่วมรายการ พร้อมติดตามสิทธิพิเศษต่างๆ จาก เอส เอฟ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน SF Cinema, www.sfcinema.com พร้อมติดตามข่าวสารหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านโซเชียลมีเดีย SF Cinema และ #SFcinema

*แพ็กเสริมที่ร่วมรายการ

  • เล่นเน็ตเต็มสปีด 10GB | 30 วัน | 200 บาท รับฟรี ที่นั่ง Deluxe Seat มูลค่า 260 บาท (แพ็กเกจต่ออายุอัตโนมัติ) สมัครกด *900*7588# โทรออก
  • เล่นเน็ตเต็มสปีด 5GB | 15 วัน | 159 บาท รับฟรี ที่นั่ง Deluxe Seat มูลค่า 260 บาท (แพ็กเกจไม่ต่ออายุอัตโนมัติ) สมัครกด *900*7589# โทรออก
  • เล่นเน็ตเต็มสปีด 5GB | 15 วัน | 129บาท รับฟรี ป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม Combo Set Size M จาก SF Cinema มูลค่า 150 บาท สมัครกด *900*7590# โทรออก

 

บุชเชอร์ (BUCHER) แบรนด์ไส้กรอกพรีเมียมอันดับหนึ่งของไทย ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมกับ ร้านอาหาร Potong Fine Dining ที่ได้รับมิชลินสตาร์ การันตีความอร่อย โดย 'เชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม' จัดกิจกรรม 'The Exclusive Fine Dinning by Chef Pam' เปิดประมูลบัตรรับประทานอาหารการกุศล โดยรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่าย มอบให้ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อสมทบทุนปรับปรุงห้องผ่าตัดและสร้างอาคารหอผู้ป่วยใน ภายใต้โครงการ “ได้โอกาส ให้โอกาส”

สำหรับ การเปิดประสบการณ์เหนือระดับ แบบ Exclusive Fine Dining สุดหรู โดย 'เชฟแพม' จะรังสรรค์เมนูพิเศษจากวัตถุดิบพรีเมียมยอดนิยมของบุชเชอร์ อย่าง 'ไส้กรอกอกหมูชีส กลิ่นทรัฟเฟิล' ไส้กรอกหมูบดหยาบหนังกรอบ สอดไส้ชีสกลิ่นทรัฟเฟิลนำเข้าจากเยอรมนี และ 'ไส้กรอกหมูคูโรบูตะ กลิ่นชาร์โคลกริลล์' ที่ทำจากเนื้อหมูคูโรบูตะบดหยาบคัดสรรพิเศษ เนื้อนุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นย่างถ่านชาร์โคลเป็นเอกลักษณ์ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมประมูลบัตรรับประทานอาหาร 8 ที่นั่ง (Charity Seat) ณ ร้านโพทง (Potong) ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2567 ทาง www.Bucherxpotong.com 

ทั้งนี้ ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้โอกาส ด้วยการบริจาคสมทบทุน 'ปรับปรุงห้องผ่าตัด และสร้างอาคารหอผู้ป่วยใน' ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ธนาคารกรุงเทพ เลขที่ 901-7-05611-1 ชื่อบัญชี ศิริราชมูลนิธิ สร้างอาคารส่วนขยายศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก กองทุน สร้างอาคารส่วนขยายศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ระยะที่ 2 (ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ตามกรมสรรพากรกำหนด) เว็บไซต์ : https://www.gj.mahidol.ac.th/main/donation

บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ประกาศความสำเร็จการดำเนินธุรกิจในปี 2566 เบี้ยประกันรับรวมเติบโตทะลุเป้าแตะ 3.62 หมื่นล้านบาท เติบโต 6% พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจต่อเนื่องทุกช่องทาง เน้นปั้นตัวแทนเต็มเวลามืออาชีพ ดันสัดส่วนผลิตภัณฑ์สุขภาพและลงทุน ส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ เพื่อพิชิตเป้าเบี้ยรับรวม 4.1 หมื่นล้านบาทในปี 2567

มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมท่ามกลางความท้าทายจากปัจจัยภายนอกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ไม่ฟื้นคืนอย่างที่หลายคนคาดหวัง  ความถี่และความรุนแรงในการเคลมสินไหมสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ และความผันผวนของตลาดเงิน ที่มีผลต่อมูลค่าของสินทรัพย์ เป็นต้น โดยได้สร้างผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวม (GWP) เติบโต 6% อยู่ที่ 3.62 หมื่นล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) เติบโต 4% อยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท มาจากช่องทางตัวแทน 3.2 พันล้านบาท ช่องทางขายผ่านธนาคาร 2.4 พันล้านบาท ช่องทางขายตรง 1.4 พันล้านบาท และประกันกลุ่มอีกประมาณ 170 ล้านบาท ในด้านการขายผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุด มีการเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ อลิอันซ์ อยุธยา ขึ้นแท่นเป็นที่ 3 ในตลาดประกันสุขภาพไทย

นอกจากนั้น ปีที่ผ่านมา ยังเป็นปีแห่งความสำเร็จของช่องทางตัวแทนของบริษัท มีการเติบโตในทุกมิติ โครงการสร้างตัวแทนมืออาชีพในระยะยาว โดยตัวเลขตัวแทนใหม่ พุ่งสูงถึงกว่า 9,300 คน เติบโตถึง 34% จำนวนตัวแทนที่มีผลงาน (active agent) ก็เพิ่มสูงถึงกว่า 3,300 คน เติบโตขึ้น 13%  จำนวนผู้บริหารตัวแทนระดับสูงได้รับการเลื่อนตำแหน่งถึง 34คน ซึ่งถือว่าสูงมาก

อีกทั้งยังมีความสำเร็จในด้านของการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ อลิอันซ์ อยุธยา มีเงินกองทุนสำรองที่มั่นคงถึง 306% ในส่วนความพึงพอใจของลูกค้า ได้รับคะแนน NPS Score ที่ใช้วัดความพึงพอใจลูกค้าอยู่ในระดับ Loyalty Leader และได้คะแนน AES Score ที่ใช้วัดความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร สูงเป็นอันดับ 5 จากบริษัทในเครืออลิอันซ์ทั่วโลก และยังได้รับรางวัลด้านผลิตภัณฑ์จากทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชนมากมาย สิ่งเหล่านี้ช่วยตอกย้ำว่า อลิอันซ์ อยุธยา เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความพึงพอใจ และความผูกพันทั้งในส่วนของลูกค้าและพนักงาน

สำหรับในปี 2567 นี้ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมใช้งานระบบบัญชี IFRS 17 ตามระเบียบข้อบังคับของคปภ. ซึ่งมีผลดีทำให้บริษัทมีมูลค่าและความั่นคงทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ในด้านช่องทางการขาย บริษัทยังเน้นการเติบโตของช่องทางตัวแทน ยังเดินหน้าจัดทำโครงการที่ประสบความสำเร็จในการสร้างตัวแทนคุณภาพ ในขณะที่ยังคงมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพ ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ประกันควบการลงทุน เช่น ยูนิตลิงก์ ที่เรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายเพื่อให้มีสัดส่วนเป็น 10% ของพอร์ทผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัท

นอกจากนั้น บริษัทจะให้ความสำคัญกับการบริการ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยเฉพาะในเรื่องการคุ้มครองสุขภาพ โดยได้มีการจัดตั้งเครือข่าย Preferred Network เพื่อทำงานร่วมกับโรงพยาบาล เพื่อมอบบริการพิเศษ ให้กับลูกค้า นอกจากนั้น จะมีการเปิดให้บริการพิเศษใหม่ๆ อาทิ บริการ Health concierge เพื่อดูแลลูกค้า นัดแนะและประสานงานกับโรงพยาบาลทั้งก่อนและหลังการเข้ารับการรักษา เป็นต้น

“ในปี 2567 นี้ เรามั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ อลิอันซ์ อยุธยา สามารถเติบโตธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นแบรนด์ประกันอันดับหนึ่งในใจลูกค้ารวมทั้งสร้างความผูกพันกับพนักงาน พร้อมพิชิตยอดเบี้ยประกันรับรวม 4.1 หมื่นล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 8.3 พันล้านบาท ก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทประกันชีวิตและสุขภาพของไทยได้อย่างมั่นคง” มร.โทมัส กล่าวทิ้งท้าย

X

Right Click

No right click