ร่วมให้และได้บุญไปพร้อม ๆ กัน ตั้งแต่วันที่ 24 – 26 เมษายน 2567

เคทีซีจับมือคาเธ่ย์ ปลูกต้นโกงกางที่ป่าชายเลนในประเทศไทยภายใต้โครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” โดยโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างความยั่งยืนที่คาเธ่ย์ได้ดำเนินมาเป็นเวลา 3 ปี เพื่อสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ฟื้นฟูถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ และรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความยั่งยืน และสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ชุมชนท้องถิ่น เคทีซีจึงได้ร่วมสนับสนุนและต่อยอดโครงการดังกล่าว ด้วยการสมทบจำนวนต้นไม้สำหรับปลูกในป่าชายเลนเท่าจำนวนบัตรโดยสารของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ที่จำหน่ายผ่าน KTC World Travel Service และชำระด้วยบัตรเครดิต KTC ในปี 2566 ทั้งนี้ ทีมงานเคทีซีและคาเธ่ย์ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้รวม 4,000 ต้น ณ ป่าชายเลนบางปู สมุทรปราการในวันที่ 23 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เคทีซีดำเนินธุรกิจบนแนวคิดด้านความยั่งยืนโดยคำนึงถึงทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล การร่วมมือกับพันธมิตรเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมแสดงความรับผิดชอบและบรรเทาปัญหาภาวะสิ่งแวดล้อมก็เป็นแนวคิดของเคทีซีด้วยเช่นกัน การร่วมมือกับ คาเธ่ย์ เพื่อต่อยอดโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”  เป็นส่วนหนึ่งที่เคทีซีต้องการสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ชุมชนท้องถิ่น และรณรงค์ให้สมาชิกเห็นความสำคัญของการปลูกต้นโกงกางในป่าชายเลน ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยลดโลกร้อนได้ดีเมื่อเทียบกับป่าบกทั่วไป ด้วยป่าชายเลนสามารถสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปริมาณที่มากกว่า เคทีซีจึงได้ร่วมสมทบต้นโกงกางเพิ่ม 1 ต้น เมื่อสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีจองบัตรโดยสารเครื่องบินสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ทุกๆ 1 ใบ ผ่าน KTC World Travel Service โดยโครงการดังกล่าวนี้ เป็นความร่วมมือระยะยาวระหว่างสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคและเคทีซี เริ่มต้นขึ้นในปี 2566 ซึ่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มีจำนวนต้นโกงกางที่ได้รับจากโครงการนี้ถึง 4,000 ต้น  และในปีนี้ สมาชิกเคทีซียังคงสามารถเป็นส่วนหนึ่งใน โครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”  ได้ตลอดทั้งปี 2567 คาเธ่ย์ ดำเนินโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”  เป็นครั้งแรกในปี 2564 ที่ประเทศไทย และได้ขยายผลไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนำไปสู่การปลูกป่าชายเลนมากกว่า 27,000 ต้นทั่วทั้งภูมิภาค

นางสาวเคอรี่ ลุย ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้สานต่อความพยายามในการส่งเสริมความยั่งยืนและตอบแทนชุมชนที่เราให้บริการ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป และต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนในสังคมมาร่วมมือกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแก่โลกของเรา ในโอกาสนี้ เราจึงได้เชิญเด็กด้อยโอกาส 10 คนมาร่วมกิจกรรมกับเรา เพื่อให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ตรงในการปลูกป่า และฟูมฟักแนวความคิดด้านความยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้น เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับเคทีซี พันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันในการเดินทางเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น”

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC World Travel Service โทรศัพท์ 02 123 5050 สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ 

หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 (ครั้งที่ 41) และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ (24 เมษายน 2567) ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเฟ้นหาและอนุรักษ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศไทย ส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพดี และสร้างต้นแบบเกษตรกร ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมข่าวคุณภาพสูงเป็นหลัก และยังมีการเชื่อมโยงการตลาดให้เกษตรกรผู้ชนะการประกวดเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ ขยายช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของไทย เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกร

กว่า 4.7 ล้านครัวเรือน และประชาชนในประเทศส่วนใหญ่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก สะท้อนถึงความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกรจำนวนมาก รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของพี่น้องเกษตรกรไทยที่เปรียบเสมือนเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ดำเนินนโยบาย พัฒนา สนับสนุน และส่งเสริมชาวนา ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น

นายภูมิธรรมเน้นย้ำว่า ข้าวหอมมะลิถือเป็นข้าวในตลาดข้าวพรีเมียมที่มีชื่อเสียงด้วยอัตลักษณ์เฉพาะตัว  มีเม็ดยาวเรียวสวย สีมันวาว หุงแล้วมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นใบเตย รสสัมผัสนิ่มนวล จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากที่สุดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แม้ราคาจะสูงกว่าข้าวชนิดอื่นแต่ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง การยกระดับเชิงนโยบายทั้งด้านการผลิตและการควบคุมคุณภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค และให้ประเทศไทยยังคงไว้ซึ่งแหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิชั้นเลิศของโลก ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตข้าวสำคัญของโลก โดยในปี 2566 ไทยสามารถส่งออกข้าวได้สูงถึง 8.76 ล้านตัน นับได้ว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 178,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 28 โดยข้าวหอมมะลิยังคงรักษาระดับการส่งออกได้ดีแม้ราคาสูงกว่าคู่แข่ง โดยมีปริมาณส่งออกในปี 2566 อยู่ที่ 1.32 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 5.6 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน แคนาดา และฮ่องกง

“ตนเดือนเดินทางไปหลายประเทศได้รับความชื่นชมในข้าวไทย ไม่ว่าจะเป็นจีนในหลายมณฑล สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ ทุกคนต่างชื่นชมถึงแม้ราคาจะสูงกว่าที่อื่น แต่ยังสัมผัสได้ในความพิเศษของข้าวหอมมะลิไทย ”นายภูมิธรรมกล่าว

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทยวันนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเกษตรกรรายบุคคล และประเภทสถาบันเกษตรกร ในครั้งนี้มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิจาก 22 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ส่งตัวอย่างข้าวเข้าประกวดจำนวนรวม 967 ตัวอย่าง และได้นำตัวอย่างข้าวขาวของผู้ที่สมัครเข้าร่วมประกวดฯ ตรวจสอบคุณภาพข้าวทางวิชาการ ทั้งเคมีและกายภาพ ส่งให้คณะกรรมการตัดสินการประกวดทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศพิจารณาคัดเลือกจนได้ผู้ได้รับรางวัลรวมจำนวน 21 ราย แบ่งเป็น เกษตรกรรายบุคคล 18 ราย และสถาบันเกษตรกร 3 ราย เป็นโล่รางวัลเกียรติยศและใบประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล รวมกว่า 625,000 บาท

โดยในวันนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบรางวัลแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการโรงสี ผู้ผลิตข้าวสารคุณภาพ ผู้ชนะการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ.2566 รวม 11 รางวัล ในประเภทต่างๆ อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย และข้าวสารเหนียวเมล็ดยาว สำหรับรายชื่อผู้ชนะการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 ประกอบด้วย

ประเภทเกษตรกรรายบุคคล : ได้แก่

รางวัลชนะเลิศ นายณรงค์  จันทรุ่ง จ.อุบลราชธานี

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 นางจันทร์สมสบบง จ.พะเยา

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 นายสุเรียนสังข์ลาย จ.สุรินทร์

ประเภทสถาบันเกษตรกร :  ได้แก่

รางวัลชนะเลิศ วิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิสงเปลือย ม.5 ต.เมืองทอง จ.ร้อยเอ็ด

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครพนม จำกัด จ.นครพนม

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ศูนย์ข้าวชุมชนข้าวปลอดสารพิษตำบลแม่อ้อ จ.เชียงราย

โดยภายในงานได้มีการ MOU ซื้อ-ขายข้าวเปลือกหอมมะลิล่วงหน้าในราคานำตลาด สูงกว่าราคาตลาด 500 บาท/ตัน จำนวน 6 คู่ กว่า 343.4 ตัน ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้าวที่มีคุณภาพสูงมีตลาดรองรับ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th หรือ Line@ MR.DIT

เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และภารกิจของกองทุนประกันวินาศภัย และสร้างความเชื่อมั่นในระบบประกันภัย ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ

ฟีเจอร์ Optical Character Recognition สำหรับภาษาไทย และ LLM ชุดใหม่จะช่วยให้องค์กรไทย ใช้ประโยชน์จาก AI และระบบอัตโนมัติเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ

ขนทัพพอร์ตผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคชาวไทยทุกช่วงวัย พร้อมแผนธุรกิจสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

เทรนด์การส่งบุตรหลานไปเรียนต่างประเทศของไทยมีมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มีจุดหมายอยู่ที่อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ

จากความต้องการเรียนต่อต่างประเทศทำให้การเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติเติบโต ส่งผลให้กว่า 10 ปีที่ผ่านมานี้มีการเปิดตัวของโรงเรียนนานาชาติในไทย จาก 10 กว่าแห่ง เพิ่มเป็นหลัก 100 และขยับเป็น 234 แห่งในปัจจุบัน กระจายตัวอยู่ในกรุงเทพฯ 122 แห่ง และในจังหวัดสำคัญ เช่น ภูเก็ต ชลบุรี นนทบุรี เป็นต้น  โดย หลักสูตรที่ได้รับการยอมรับ ได้แก่ ระบบอังกฤษ ที่เน้นการเรียนรู้วิชาการ โดยสามารถเลือกเรียน A-Level หรือ IB Diploma ตอน Year 12-13 (ขึ้นอยู่กับโรงเรียน), ระบบอเมริกา เรียนรู้ผ่านกิจกรรมควบคู่ไปกับวิชาการ

โรงเรียนนานาชาติในไทยเติบโตไม่หยุด

การส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนนานาชาติในไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ตัวเลขจากสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย (International Schools Association of Thailand : ISAT) คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในปี 2566 ประมาณ 70,000 ล้านบาท ขณะที่จำนวนนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ขยายตัวเป็น 65,000-75,000 คน เติบโตเฉลี่ย 5-10% ต่อปี

กลุ่มเป้าหมายหลักมีทั้งครอบครัวคนไทยที่วางแผนส่งลูกเข้าเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยระดับท็อปในต่างประเทศ  รวมทั้งจากครอบครัวผู้บริหารระดับสูงและระดับกลางจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาทำงานในไทยพร้อมครอบครัว และผู้ปกครองจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา กัมพูชา รวมถึงจีน ที่มองไทยเป็นประเทศน่าอยู่ การศึกษาได้มาตรฐาน ค่าเรียนมีความเหมาะสม และค่าครองชีพไม่สูงมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการส่งไปเรียนที่ประเทศอื่น  

Sixth Form เวลาทองของการศึกษา

มร.คริสโตเฟอร์ นิโคลส์ ครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ (Wellington College Bangkok)  กล่าวว่า Sixth Form หรือ Year 12 และ Year 13 นับเป็นช่วงเวลา 2 ปีที่สำคัญของการเรียนก่อนก้าวสู่การเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก  ที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ มีการเตรียมความพร้อมให้นักเรียนอย่างเต็มที่ เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่ตนเลือก โรงเรียนจึงมีการช่วยเหลือนักเรียนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้คำปรึกษาเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัย การสมัครเข้าเรียน การเขียนเรียงความ การเตรียมตัวสัมภาษณ์ เพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมมากที่สุด รวมถึงยังมีการสอนทักษะที่สำคัญที่ใช้ในการเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นการเรียนแบบพึ่งพาตัวเอง และ อาศัยการคิดวิเคราะห์เชิงลึก ซึ่งถ้าหากนักเรียนทำได้ดี มีผลงานโดดเด่น ก็จะเป็นที่ต้องการของมหาวิทยาลัยชั้นนำ

จากการที่ โรงเรียนเวลลิงตันคอลเลจ เป็นสมาชิกของ CIS หรือ Council of International School ทำให้โรงเรียนมีการติดต่อโดยตรงกับ Admission ของมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก เป็นการช่วยนักเรียนด้านการเตรียมความพร้อมได้อย่างเต็มที่

Realise Your Potential ค้นพบศักยภาพที่เป็นตัวคุณ

เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ ใช้หลักสูตร A-Level ในระดับ Sixth Form เพราะ A-Level เป็นที่ยอมรับ อย่างกว้างขวางจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย หากคะแนน A-Level สูงตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดสามารถใช้คะแนน A-Level ยื่นเข้าได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องสอบเข้าอีก และมีการเปิดสอนคลอบคลุม ตั้งแต่วิทยาศาสตร์ ศิลปะ คณิตศาสตร์ การออกแบบและเทคโนโลยี, วิทยาการคอมพิวเตอร์, ธุรกิจ, การละคร, ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และอื่นๆ รวม 20 สาขาวิชา

ขณะเดียวกันที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ ยังเน้นส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้ค้นพบศักยภาพของตัวเอง และมีความสุขกับการเรียน โดยมีครูผู้มากประสบการณ์ที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น Oxford และ Cambridge มาสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กแต่ละคน ที่สำคัญ เวลลิงตันคอลเลจ เป็นโรงเรียนแรกของประเทศอังกฤษที่มีการนำ Happiness & Wellbeing หรือทักษะการมีชีวิตที่ดี เข้ามาอยู่ในหลักสูตร เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ สอนให้รู้จักการแก้ไขปัญหาแต่ละด้าน ไปจนถึงการดูแลจิตใจของตัวเอง ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตและการทำงานที่สำคัญ

นอกจากนี้ ตลอดการเรียนจะมีกิจกรรมส่งเสริมทักษะเพิ่มเติม ทั้งดนตรี กีฬา หรือ สายเทคโนโลยี โดยส่งเสริมทักษะในรูปแบบของ Personalised Education หรือ จัดการสอนตามความถนัดและศักยภาพของแต่ละคน โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรองรับความสนใจที่หลากหลาย

1Million Baht Award โอกาสเข้าถึงแหล่งความรู้ระดับโลก

1 Million baht Award” เป็นอีกหนึ่งโอกาสทางการศึกษาที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ เปิดให้นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ Year 11 ในโรงเรียนนานาชาติ ที่สนใจอยากมาศึกษาต่อในระดับ Sixth Form (Year 12-13) ที่ เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ ด้วยการมอบทุนการศึกษา 1,000,000 บาท เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลา 2 ปี ที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ก่อนก้าวไปสู่การเรียนต่อในมหาวิทยาลัยระดับโลก

“ผมเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ เป็นโรงเรียนที่พร้อมจะช่วยผลักดันให้นักเรียนทุกคนได้แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่”

1 Million baht Award โอกาสดี ๆ สำหรับนักเรียน Year 11 (อายุ 15-16 ปี)  ที่ไม่ควรปล่อยผ่าน ผู้ปกครองที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดการรับทุนการศึกษา และ นัดหมายเข้ามาเยี่ยมชมโรงเรียนได้ที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือโทร 02-0878888

เตรียมมอบข้อเสนอพิเศษให้ผู้สำรองห้องพักล่วงหน้า เพื่อสัมผัสประสบการณ์ครั้งใหม่ในระดับตำนาน

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เดินหน้ามอบชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้าน มอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิต ttb ได้รับประสบการณ์สุดพิเศษอิ่มอร่อยเกินคุ้มอย่างต่อเนื่อง กับโปรโมชันสุดพิเศษ กิน 1,000.- ลด 100.- ในแคมเปญTasty Asian” มอบส่วนลด เมื่อใช้บริการ 9 ร้านอาหารเด็ดสไตล์เอเชียน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2567 – 30 มิถุนายน 2567 นี้ ดังนี้

สิทธิพิเศษ 1: รับส่วนลด 100 บาท เมื่อรับประทานอาหารและมียอดใช้จ่ายครบ 1,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป ณ 9 ร้านอาหารชั้นนำที่ร่วมรายการ ได้แก่ ร้านบ้านหญิง ร้านขมิ้น คูซีน & คาเฟ่ ร้านเอี่ยวไถ่ ร้านฮิโตริ ชาบู ร้านมากุโระ ร้านแซมาอึล ร้านแซมาอึล เอ็กซ์เพรส ร้านซูชิโร่ ร้านทงชินราเมง จำกัดส่วนลด 1 สิทธิ์ / โต๊ะ / ใบเสร็จ / วัน / ร้าน โดยตรวจสอบจำนวนสิทธิ์ส่วนลดของแต่ละร้านก่อนใช้บริการ รับสิทธิ์ด้วยการสแกน QR Code ที่สื่อประชาสัมพันธ์แต่ละร้านเพื่อรับสิทธิ์ผ่านแอป ttb touch

สิทธิพิเศษ 2: แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อใช้คะแนนสะสมทุก 1,000 คะแนน และมียอดใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป สำหรับบัตรเครดิต ttb reserve infinite และ บัตรเครดิต ttb reserve signature ทุก 1,000 คะแนน รับเครดิตเงินคืน 120 บาท บัตรเครดิต ttb อื่น ๆ ทุก 1,000 คะแนน รับเครดิตเงินคืน 100 บาท จำกัดการแลกคะแนนสะสม 4,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก / เดือน สูงสุด 12,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย เพียงส่ง SMS ทุกครั้งที่ต้องการแลกคะแนน พิมพ์ TSTY ตามด้วยคะแนนที่ต้องการแลกทุก 1,000 คะแนน แต่ไม่เกินยอดใช้จ่าย เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่หมายเลข 4806026 โดยทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าใช้เท่าที่จำเป็น และผ่อนชำระคืนไหว เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

Page 4 of 605
X

Right Click

No right click