เคทีซีจับมือคาเธ่ย์ ปลูกต้นโกงกางที่ป่าชายเลนในประเทศไทยภายใต้โครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” โดยโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างความยั่งยืนที่คาเธ่ย์ได้ดำเนินมาเป็นเวลา 3 ปี เพื่อสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ฟื้นฟูถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ และรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความยั่งยืน และสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ชุมชนท้องถิ่น เคทีซีจึงได้ร่วมสนับสนุนและต่อยอดโครงการดังกล่าว ด้วยการสมทบจำนวนต้นไม้สำหรับปลูกในป่าชายเลนเท่าจำนวนบัตรโดยสารของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ที่จำหน่ายผ่าน KTC World Travel Service และชำระด้วยบัตรเครดิต KTC ในปี 2566 ทั้งนี้ ทีมงานเคทีซีและคาเธ่ย์ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้รวม 4,000 ต้น ณ ป่าชายเลนบางปู สมุทรปราการในวันที่ 23 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา
นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เคทีซีดำเนินธุรกิจบนแนวคิดด้านความยั่งยืนโดยคำนึงถึงทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล การร่วมมือกับพันธมิตรเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมแสดงความรับผิดชอบและบรรเทาปัญหาภาวะสิ่งแวดล้อมก็เป็นแนวคิดของเคทีซีด้วยเช่นกัน การร่วมมือกับ คาเธ่ย์ เพื่อต่อยอดโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” เป็นส่วนหนึ่งที่เคทีซีต้องการสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ชุมชนท้องถิ่น และรณรงค์ให้สมาชิกเห็นความสำคัญของการปลูกต้นโกงกางในป่าชายเลน ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยลดโลกร้อนได้ดีเมื่อเทียบกับป่าบกทั่วไป ด้วยป่าชายเลนสามารถสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปริมาณที่มากกว่า เคทีซีจึงได้ร่วมสมทบต้นโกงกางเพิ่ม 1 ต้น เมื่อสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีจองบัตรโดยสารเครื่องบินสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ทุกๆ 1 ใบ ผ่าน KTC World Travel Service โดยโครงการดังกล่าวนี้ เป็นความร่วมมือระยะยาวระหว่างสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคและเคทีซี เริ่มต้นขึ้นในปี 2566 ซึ่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มีจำนวนต้นโกงกางที่ได้รับจากโครงการนี้ถึง 4,000 ต้น และในปีนี้ สมาชิกเคทีซียังคงสามารถเป็นส่วนหนึ่งใน โครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” ได้ตลอดทั้งปี 2567 คาเธ่ย์ ดำเนินโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” เป็นครั้งแรกในปี 2564 ที่ประเทศไทย และได้ขยายผลไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนำไปสู่การปลูกป่าชายเลนมากกว่า 27,000 ต้นทั่วทั้งภูมิภาค
นางสาวเคอรี่ ลุย ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้สานต่อความพยายามในการส่งเสริมความยั่งยืนและตอบแทนชุมชนที่เราให้บริการ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป และต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนในสังคมมาร่วมมือกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแก่โลกของเรา ในโอกาสนี้ เราจึงได้เชิญเด็กด้อยโอกาส 10 คนมาร่วมกิจกรรมกับเรา เพื่อให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ตรงในการปลูกป่า และฟูมฟักแนวความคิดด้านความยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้น เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับเคทีซี พันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันในการเดินทางเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น”
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC World Travel Service โทรศัพท์ 02 123 5050 สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ
หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 (ครั้งที่ 41) และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ (24 เมษายน 2567) ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเฟ้นหาและอนุรักษ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศไทย ส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพดี และสร้างต้นแบบเกษตรกร ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมข่าวคุณภาพสูงเป็นหลัก และยังมีการเชื่อมโยงการตลาดให้เกษตรกรผู้ชนะการประกวดเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ ขยายช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของไทย เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกร
กว่า 4.7 ล้านครัวเรือน และประชาชนในประเทศส่วนใหญ่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก สะท้อนถึงความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกรจำนวนมาก รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของพี่น้องเกษตรกรไทยที่เปรียบเสมือนเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ดำเนินนโยบาย พัฒนา สนับสนุน และส่งเสริมชาวนา ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
นายภูมิธรรมเน้นย้ำว่า ข้าวหอมมะลิถือเป็นข้าวในตลาดข้าวพรีเมียมที่มีชื่อเสียงด้วยอัตลักษณ์เฉพาะตัว มีเม็ดยาวเรียวสวย สีมันวาว หุงแล้วมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นใบเตย รสสัมผัสนิ่มนวล จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากที่สุดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แม้ราคาจะสูงกว่าข้าวชนิดอื่นแต่ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง การยกระดับเชิงนโยบายทั้งด้านการผลิตและการควบคุมคุณภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค และให้ประเทศไทยยังคงไว้ซึ่งแหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิชั้นเลิศของโลก ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตข้าวสำคัญของโลก โดยในปี 2566 ไทยสามารถส่งออกข้าวได้สูงถึง 8.76 ล้านตัน นับได้ว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 178,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 28 โดยข้าวหอมมะลิยังคงรักษาระดับการส่งออกได้ดีแม้ราคาสูงกว่าคู่แข่ง โดยมีปริมาณส่งออกในปี 2566 อยู่ที่ 1.32 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 5.6 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน แคนาดา และฮ่องกง
“ตนเดือนเดินทางไปหลายประเทศได้รับความชื่นชมในข้าวไทย ไม่ว่าจะเป็นจีนในหลายมณฑล สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ ทุกคนต่างชื่นชมถึงแม้ราคาจะสูงกว่าที่อื่น แต่ยังสัมผัสได้ในความพิเศษของข้าวหอมมะลิไทย ”นายภูมิธรรมกล่าว
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทยวันนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเกษตรกรรายบุคคล และประเภทสถาบันเกษตรกร ในครั้งนี้มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิจาก 22 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ส่งตัวอย่างข้าวเข้าประกวดจำนวนรวม 967 ตัวอย่าง และได้นำตัวอย่างข้าวขาวของผู้ที่สมัครเข้าร่วมประกวดฯ ตรวจสอบคุณภาพข้าวทางวิชาการ ทั้งเคมีและกายภาพ ส่งให้คณะกรรมการตัดสินการประกวดทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศพิจารณาคัดเลือกจนได้ผู้ได้รับรางวัลรวมจำนวน 21 ราย แบ่งเป็น เกษตรกรรายบุคคล 18 ราย และสถาบันเกษตรกร 3 ราย เป็นโล่รางวัลเกียรติยศและใบประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล รวมกว่า 625,000 บาท
โดยในวันนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบรางวัลแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการโรงสี ผู้ผลิตข้าวสารคุณภาพ ผู้ชนะการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ.2566 รวม 11 รางวัล ในประเภทต่างๆ อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย และข้าวสารเหนียวเมล็ดยาว สำหรับรายชื่อผู้ชนะการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 ประกอบด้วย
ประเภทเกษตรกรรายบุคคล : ได้แก่
รางวัลชนะเลิศ นายณรงค์ จันทรุ่ง จ.อุบลราชธานี
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 นางจันทร์สมสบบง จ.พะเยา
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 นายสุเรียนสังข์ลาย จ.สุรินทร์
ประเภทสถาบันเกษตรกร : ได้แก่
รางวัลชนะเลิศ วิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิสงเปลือย ม.5 ต.เมืองทอง จ.ร้อยเอ็ด
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครพนม จำกัด จ.นครพนม
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ศูนย์ข้าวชุมชนข้าวปลอดสารพิษตำบลแม่อ้อ จ.เชียงราย
โดยภายในงานได้มีการ MOU ซื้อ-ขายข้าวเปลือกหอมมะลิล่วงหน้าในราคานำตลาด สูงกว่าราคาตลาด 500 บาท/ตัน จำนวน 6 คู่ กว่า 343.4 ตัน ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้าวที่มีคุณภาพสูงมีตลาดรองรับ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th หรือ Line@ MR.DIT
เทรนด์การส่งบุตรหลานไปเรียนต่างประเทศของไทยมีมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มีจุดหมายอยู่ที่อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ
จากความต้องการเรียนต่อต่างประเทศทำให้การเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติเติบโต ส่งผลให้กว่า 10 ปีที่ผ่านมานี้มีการเปิดตัวของโรงเรียนนานาชาติในไทย จาก 10 กว่าแห่ง เพิ่มเป็นหลัก 100 และขยับเป็น 234 แห่งในปัจจุบัน กระจายตัวอยู่ในกรุงเทพฯ 122 แห่ง และในจังหวัดสำคัญ เช่น ภูเก็ต ชลบุรี นนทบุรี เป็นต้น โดย หลักสูตรที่ได้รับการยอมรับ ได้แก่ ระบบอังกฤษ ที่เน้นการเรียนรู้วิชาการ โดยสามารถเลือกเรียน A-Level หรือ IB Diploma ตอน Year 12-13 (ขึ้นอยู่กับโรงเรียน), ระบบอเมริกา เรียนรู้ผ่านกิจกรรมควบคู่ไปกับวิชาการ
การส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนนานาชาติในไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ตัวเลขจากสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย (International Schools Association of Thailand : ISAT) คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในปี 2566 ประมาณ 70,000 ล้านบาท ขณะที่จำนวนนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ขยายตัวเป็น 65,000-75,000 คน เติบโตเฉลี่ย 5-10% ต่อปี
กลุ่มเป้าหมายหลักมีทั้งครอบครัวคนไทยที่วางแผนส่งลูกเข้าเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยระดับท็อปในต่างประเทศ รวมทั้งจากครอบครัวผู้บริหารระดับสูงและระดับกลางจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาทำงานในไทยพร้อมครอบครัว และผู้ปกครองจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา กัมพูชา รวมถึงจีน ที่มองไทยเป็นประเทศน่าอยู่ การศึกษาได้มาตรฐาน ค่าเรียนมีความเหมาะสม และค่าครองชีพไม่สูงมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการส่งไปเรียนที่ประเทศอื่น
มร.คริสโตเฟอร์ นิโคลส์ ครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ (Wellington College Bangkok) กล่าวว่า Sixth Form หรือ Year 12 และ Year 13 นับเป็นช่วงเวลา 2 ปีที่สำคัญของการเรียนก่อนก้าวสู่การเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก ที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ มีการเตรียมความพร้อมให้นักเรียนอย่างเต็มที่ เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่ตนเลือก โรงเรียนจึงมีการช่วยเหลือนักเรียนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้คำปรึกษาเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัย การสมัครเข้าเรียน การเขียนเรียงความ การเตรียมตัวสัมภาษณ์ เพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมมากที่สุด รวมถึงยังมีการสอนทักษะที่สำคัญที่ใช้ในการเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นการเรียนแบบพึ่งพาตัวเอง และ อาศัยการคิดวิเคราะห์เชิงลึก ซึ่งถ้าหากนักเรียนทำได้ดี มีผลงานโดดเด่น ก็จะเป็นที่ต้องการของมหาวิทยาลัยชั้นนำ
จากการที่ โรงเรียนเวลลิงตันคอลเลจ เป็นสมาชิกของ CIS หรือ Council of International School ทำให้โรงเรียนมีการติดต่อโดยตรงกับ Admission ของมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก เป็นการช่วยนักเรียนด้านการเตรียมความพร้อมได้อย่างเต็มที่
เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ ใช้หลักสูตร A-Level ในระดับ Sixth Form เพราะ A-Level เป็นที่ยอมรับ อย่างกว้างขวางจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย หากคะแนน A-Level สูงตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดสามารถใช้คะแนน A-Level ยื่นเข้าได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องสอบเข้าอีก และมีการเปิดสอนคลอบคลุม ตั้งแต่วิทยาศาสตร์ ศิลปะ คณิตศาสตร์ การออกแบบและเทคโนโลยี, วิทยาการคอมพิวเตอร์, ธุรกิจ, การละคร, ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และอื่นๆ รวม 20 สาขาวิชา
ขณะเดียวกันที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ ยังเน้นส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้ค้นพบศักยภาพของตัวเอง และมีความสุขกับการเรียน โดยมีครูผู้มากประสบการณ์ที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น Oxford และ Cambridge มาสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กแต่ละคน ที่สำคัญ เวลลิงตันคอลเลจ เป็นโรงเรียนแรกของประเทศอังกฤษที่มีการนำ Happiness & Wellbeing หรือทักษะการมีชีวิตที่ดี เข้ามาอยู่ในหลักสูตร เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ สอนให้รู้จักการแก้ไขปัญหาแต่ละด้าน ไปจนถึงการดูแลจิตใจของตัวเอง ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตและการทำงานที่สำคัญ
นอกจากนี้ ตลอดการเรียนจะมีกิจกรรมส่งเสริมทักษะเพิ่มเติม ทั้งดนตรี กีฬา หรือ สายเทคโนโลยี โดยส่งเสริมทักษะในรูปแบบของ Personalised Education หรือ จัดการสอนตามความถนัดและศักยภาพของแต่ละคน โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรองรับความสนใจที่หลากหลาย
“1 Million baht Award” เป็นอีกหนึ่งโอกาสทางการศึกษาที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ เปิดให้นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ Year 11 ในโรงเรียนนานาชาติ ที่สนใจอยากมาศึกษาต่อในระดับ Sixth Form (Year 12-13) ที่ เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ ด้วยการมอบทุนการศึกษา 1,000,000 บาท เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลา 2 ปี ที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ก่อนก้าวไปสู่การเรียนต่อในมหาวิทยาลัยระดับโลก
“ผมเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ เป็นโรงเรียนที่พร้อมจะช่วยผลักดันให้นักเรียนทุกคนได้แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่”
1 Million baht Award โอกาสดี ๆ สำหรับนักเรียน Year 11 (อายุ 15-16 ปี) ที่ไม่ควรปล่อยผ่าน ผู้ปกครองที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดการรับทุนการศึกษา และ นัดหมายเข้ามาเยี่ยมชมโรงเรียนได้ที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือโทร 02-0878888
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เดินหน้ามอบชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้าน มอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิต ttb ได้รับประสบการณ์สุดพิเศษอิ่มอร่อยเกินคุ้มอย่างต่อเนื่อง กับโปรโมชันสุดพิเศษ กิน 1,000.- ลด 100.- ในแคมเปญ “Tasty Asian” มอบส่วนลด เมื่อใช้บริการ 9 ร้านอาหารเด็ดสไตล์เอเชียน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2567 – 30 มิถุนายน 2567 นี้ ดังนี้
สิทธิพิเศษ 1: รับส่วนลด 100 บาท เมื่อรับประทานอาหารและมียอดใช้จ่ายครบ 1,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป ณ 9 ร้านอาหารชั้นนำที่ร่วมรายการ ได้แก่ ร้านบ้านหญิง ร้านขมิ้น คูซีน & คาเฟ่ ร้านเอี่ยวไถ่ ร้านฮิโตริ ชาบู ร้านมากุโระ ร้านแซมาอึล ร้านแซมาอึล เอ็กซ์เพรส ร้านซูชิโร่ ร้านทงชินราเมง จำกัดส่วนลด 1 สิทธิ์ / โต๊ะ / ใบเสร็จ / วัน / ร้าน โดยตรวจสอบจำนวนสิทธิ์ส่วนลดของแต่ละร้านก่อนใช้บริการ รับสิทธิ์ด้วยการสแกน QR Code ที่สื่อประชาสัมพันธ์แต่ละร้านเพื่อรับสิทธิ์ผ่านแอป ttb touch
สิทธิพิเศษ 2: แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อใช้คะแนนสะสมทุก 1,000 คะแนน และมียอดใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป สำหรับบัตรเครดิต ttb reserve infinite และ บัตรเครดิต ttb reserve signature ทุก 1,000 คะแนน รับเครดิตเงินคืน 120 บาท บัตรเครดิต ttb อื่น ๆ ทุก 1,000 คะแนน รับเครดิตเงินคืน 100 บาท จำกัดการแลกคะแนนสะสม 4,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก / เดือน สูงสุด 12,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย เพียงส่ง SMS ทุกครั้งที่ต้องการแลกคะแนน พิมพ์ TSTY ตามด้วยคะแนนที่ต้องการแลกทุก 1,000 คะแนน แต่ไม่เกินยอดใช้จ่าย เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่หมายเลข 4806026 โดยทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าใช้เท่าที่จำเป็น และผ่อนชำระคืนไหว เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น