ยกระดับคุณภาพชีวิตสูงวัยป่วย สร้างรอยยิ้ม สร้างรายได้ชุมชน

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้ผู้ถือบัตรเครดิต ttb เมื่อช้อปที่แผนกบิวตี้ แกเลอรี ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ทั้งแบบชำระเต็มจำนวนและแบ่งชำระ 0% pay plan นาน 10 เดือน ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทั้ง 5 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลชิดลม เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลบางนา และเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2567 – 30 มิถุนายน 2567 เมื่อมียอดช้อปครบทุก 6,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป รับบัตรของขวัญเซ็นทรัล 200 บาท และจากบัตรเครดิตอีก 100 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายเพิ่มตามขั้นที่กำหนดรับบัตรของขวัญเซ็นทรัลเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 13,400 บาท รับสิทธิ์ ณ จุด Customer Service ภายในวันที่ซื้อสินค้าเท่านั้น โดยทีทีบีมุ่งส่งเสริมให้ลูกค้าวางแผนใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น และผ่อนชำระคืนไหว เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

สนับสนุนการอนุรักษ์ระบบนิเวศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตตามสโลแกน Life’s Good

KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ชี้ภาคธุรกิจทั่วโลกเร่งปรับตัว รับมือกฎเกณฑ์ที่ เข้มงวดขึ้นจากภาวะโลกเดือด และความแปรปรวนด้านสภาพอากาศที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ปีนี้สัมผัสถึงความร้อนระอุได้มากกว่าทุกปี อย่างไรก็ดี ช่วงจังหวะการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนนี้นับเป็นโอกาสสำคัญให้นักลงทุนคัดสรรธุรกิจที่พร้อมจะเติบโตอย่างยั่งยืน มาเริ่มลงมือทำเพื่อโลกที่ดีขึ้น พร้อมรับผลตอบแทนที่ดีไปพร้อมๆ กัน ผ่าน 3 กองทุนโดย KAsset (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด) ได้แก่ K-PLANET และ K-TNZ-ThaiESG ด้วยความร่วมมือด้านการลงทุนเพื่อความยั่งยืนกับลอมบาร์ด โอเดียร์ (Lombard Odier) พาร์ทเนอร์ระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึง K-CHANGE โดยทั้ง 3 กองทุนเน้นลงทุนในธุรกิจที่มุ่งมั่นเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่โลกที่ยั่งยืน และมีผลลัพธ์ในการลดผลกระทบต่อโลกได้อย่างแท้จริง  

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่คนไทยทุกคนน่าจะสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ ผลมาจากที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกที่สูงขึ้นจนปีที่ผ่านมาเข้าสู่ ‘ภาวะโลกเดือด’ ทำให้ทุกภาคส่วนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยต่างให้ความสำคัญ และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อชะลอการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก สะท้อนได้จากความร่วมมือของผู้นำกว่า 130 ประเทศที่ลงนามในสัญญาปฏิญญา COP28 UAE ว่าด้วยการเกษตร อาหาร และสภาพภูมิอากาศ และการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Target Net Zero) จึงทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เข้มงวดขึ้น KBank Private Banking ในฐานะผู้ให้คำแนะนำด้านการลงทุน ที่มองว่านักลงทุนเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำระดับโลก ชี้โอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน พร้อมๆ กับช่วยโลกไปด้วยแนะนำกองทุนรวมที่ลงทุนในธุรกิจที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งนักลงทุนที่สนใจสามารถเริ่มต้นลงทุนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับโลกผ่าน 3 กองทุน ได้แก่

  • กองทุน K-PLANET ที่ลงทุนในหุ้นธุรกิจทั่วโลกที่มีศักยภาพกว่า 40-50 หุ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งมี 3 ธีมหลัก คือ ระบบพลังงาน เน้นลงทุนบริษัทด้านพลังงานสะอาดที่ดีต่อโลก ระบบพื้นดินและมหาสมุทร ลงทุนในบริษัทที่มุ่งลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และระบบวัสดุ ลงทุนในบริษัทที่มุ่งพัฒนาให้เกิดการใช้วัสดุน้อยลงทั้งระบบ
  • K-TNZ-ThaiESG ลงทุนธุรกิจชั้นนำของไทยที่ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อโลกและความยั่งยืน ในอุตสาหกรรมเสาหลักของประเทศ โดยเน้นให้น้ำหนักในหุ้น ESG ในดัชนี SET 100 ที่มีส่วนช่วยในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero โดยบริหารผ่านโมเดลที่ได้รับองค์ความรู้จากลอมบาร์ด โอเดียร์ (Lombard Odier)
  • K-CHANGE ลงทุนในหุ้นเติบโตสูงทั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจซึ่งส่งผลบวกต่อสังคม และการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นใน 4 ด้าน ได้แก่ ความครอบคลุมทางสังคมและการศึกษา 2. ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม 3. การดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิต 4. การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม โดยจะลงทุนผ่านกองทุนหลัก Baillie Gifford Positive Change Fund - Class B accumulation (GBP)

เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกไม่ได้เปลี่ยนแค่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลก ดังนั้นการลงทุนในภาคธุรกิจชั้นนำในแต่ละอุตสาหกรรมที่เริ่มปรับตัวเพื่อรับมือกับผลกระทบ ถือเป็นอีกแนวทางในการแก้ปัญหาที่นักลงทุนสามารถลงมือทำได้ตั้งแต่วันนี้เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่งคั่งและยั่งยืนไปพร้อมกัน


คำเตือน

  • ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • กองทุน K-PLANET ป้องกันความเสี่ยงจาก อัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • กองทุน K-CHANGE ป้องกันความเสี่ยงจาก อัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
  • เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจาก อัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจาก อัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
  • สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ kasikornasset.com

 

ดร. ปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัทในเครือ เห็นความสำคัญ ของบุคลากรทางการแพทย์ โดยมอบหมายเจ้าหน้าที่สหฟาร์ม เป็นตัวแทนจัดส่งไข่แฝดสหฟาร์ม จำนวน 2,500 แผง มอบให้แก่ 4 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี, โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ทั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ที่เสียสละทำงานอย่างหนักในการดูแล และรักษาผู้ป่วยช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผ่านมา เมื่อเร็วๆ นี้

พลิกโฉมอุตสาหกรรมไทยในการถ่ายทอดองค์ความรู้และยกระดับความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ในงานนี้เต็มไปด้วยเหล่า Speakers คุณภาพที่มีประสบการณ์และมุมมองทางด้านธุรกิจในการเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้กันและกัน

กลุ่มเป้าหมาย

ผู้บริหารจากองค์กรภาครัฐและเอกชนหรือผู้ที่สนใจในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ

การพูดคุยหัวข้อสำคัญ

  1. ทิศทางเศรษฐกิจ 2025 กับความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทย
  2. ยกระดับอุตสาหกรรมไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน
  3. เทคโนโลยีและนวัตกรรมกับการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทย
  4. การยกระดับความสามารถทางการแข่งขันสู่องค์กรแห่งความยั่งยืนด้วย STECO’s Enterprise Mix

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567

ณ ห้อง Auditorium ชั้น 7 อาคาร KX Knowledge Xchange ถ.กรุงธนบุรี

เวลา 12.00 – 17.00 น.

ลงทะเบียนร่วมงานฟรี ได้ที่

https://forms.gle/rfuNdNVWjCis2uLMA 

รายละเอียดเพิ่มเติม

Facebook : ศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร มจธ.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร. 064-749-9629 , 02-470-9643 คุณดลฤทัย

E mail: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

เคทีซีเผยไตรมาส 1/2567 กลุ่มบริษัทสามารถทำกำไร 1,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จาก ไตรมาส 4/2566 สำหรับปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นในลักษณะชะลอตัว ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่โตช้ากว่าคาด เชื่อมั่นผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เดินหน้ากลยุทธ์การตลาด และมีเป้าหมายการดำเนินงานที่ชัดเจน รวมทั้งเน้นบริหารพอร์ตสินเชื่อรวมให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ตามแนวทางการให้สินเชื่อด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรม

นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อุตสาหกรรมสินเชื่อผู้บริโภคเติบโตแบบชะลอตัว ด้วยแรงกดดันจากความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคม 2567 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังสะท้อนภาพรวมความเชื่อมั่นในเกณฑ์ดี โดยเคทีซีมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตและลูกหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน) เทียบกับอุตสาหกรรม ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 เท่ากับ 13.2% และ 6.1% ตามลำดับ ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของเคทีซีเท่ากับ 12.4%”

“ภาพรวมการดำเนินงานของเคทีซีในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมายังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจมีความอ่อนตัวลงมากกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม เคทีซียังสามารถทำกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมได้เท่ากับ 1,803 ล้านบาท และงบการเงินเฉพาะกิจการ 1,893 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2566 เท่ากับ 2.4% และ 7.4% ตามลำดับ โดยเชื่อว่ากลยุทธ์การสร้างฐานลูกค้าบัตรเครดิตในกลุ่มที่มีรายได้สูงขึ้น รวมทั้งการ คัดกรองคุณภาพพอร์ตทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล อีกทั้งมีการสื่อสารเชิงรุกถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในผลิตภัณฑ์สินเชื่อเคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน จะสามารถทำให้เคทีซีบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในที่สุด”

“เคทีซีได้ดำเนินการปรับเพิ่มอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตจาก 5% เป็น 8% ซึ่งมีผลในรอบบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 นั้น ในช่วงไตรมาส 1/2567 พบว่าลูกหนี้ส่วนใหญ่ของเคทีซีสามารถจ่ายชำระขั้นต่ำที่ 8% ได้ มีเพียงลูกหนี้ส่วนน้อยที่ประสบปัญหา นอกจากนี้ เคทีซีจะนำเสนอแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ที่ยังไม่ด้อยคุณภาพ (non-NPL) ซึ่งเป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในลักษณะเชิงป้องกัน (Pre-emptive DR) ตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณว่าลูกหนี้กำลังจะประสบปัญหาในการชำระหนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้ ไม่กลายเป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) อีกทั้งจะเสนอแนวทางให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) อย่างน้อย 1 ครั้ง โดยเฉพาะก่อนการดำเนินการตามกฎหมาย โอนขายหนี้ บอกเลิกสัญญา หรือยึดทรัพย์ โดยจะพิจารณาให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ และไม่ทำให้ลูกหนี้มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นจากภาระหนี้เดิมเกินสมควร ทั้งนี้ เป็นไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ธปท. ที่ สกช. 7/2566 เรื่อง การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending: RL)”

“เคทีซีเชื่อมั่นว่าการให้ความช่วยเหลือตามเกณฑ์ดังกล่าว จะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ และสำหรับการช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt: PD) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 คาดว่าหากลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ทุกรายเข้าร่วมโครงการจะมีผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยลดลงประมาณ 18 ล้านบาทต่อเดือน”   

ทั้งนี้ สินทรัพย์เคทีซี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 พอร์ตสินเชื่อรวมขยายตัวสร้างรายได้เติบโตดี และมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี โดยมีฐานสมาชิกรวม 3,423,147 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 105,347 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.0%) อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 2.0% แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 2,695,453 บัตร (เพิ่มขึ้น 4.0%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 69,213 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.3%) NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.2% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรมูลค่า 69,419 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8.5%) สมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 727,694 บัญชี (ลดลง 2.6%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ย ค้างรับรวม 33,149 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.4%) NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 2.1% และลูกหนี้ตามสัญญาเช่าในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) 2,985 ล้านบาท (ลดลง 9.6%) เนื่องจากได้หยุดปล่อยสินเชื่อใหม่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 แล้ว ในส่วนยอดลูกหนี้ใหม่ (New Booking) ของสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เท่ากับ 611 ล้านบาท ขยายตัว 82.6%

ในส่วนของรายได้รวมช่วงไตรมาส 1/2567 เพิ่มขึ้น 11.7% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 เท่ากับ 6,763 ล้านบาท ทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยรวม (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) รายได้ค่าธรรมเนียม และหนี้สูญได้รับคืนที่เพิ่มขึ้น 5.4% 14.7% และ 26.7% ตามลำดับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 20.4% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 เท่ากับ 4,504 ล้านบาท ตามการขยายตัวของปริมาณธุรกรรม พอร์ตสินเชื่อรวม และการลงทุนพัฒนาระบบงาน รวมถึงมูลค่าการตัดหนี้สูญที่มากขึ้นจากการเปลี่ยนกรอบเวลาการตัดหนี้สูญให้เร็วขึ้น เพื่อให้พอร์ตสินเชื่อรวมหลังสิ้นสุดการใช้เกณฑ์ผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ NPL สะท้อนภาพความเป็นจริงมากขึ้น โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร 2,369 ล้านบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) 1,683 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงิน 451 ล้านบาท โดยมีอัตราค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ที่ 35.0% เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 32.8%

นอกจากนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยืมทั้งสิ้น 59,344 ล้านบาท โดยมีโครงสร้างแหล่งเงินทุนเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น (รวมส่วนของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายในหนึ่งปี) และเงินกู้ยืมระยะยาว คิดเป็นสัดส่วน 23.3% ต่อ 76.7% อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.83 เท่า ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 2.0 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพัน (Debt Covenants) ที่ 10 เท่า และมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) 24,990 ล้านบาท

 

ผสมผสานแรงบันดาลใจจากความงาม เทคโนโลยี และความยั่งยืน เพื่อรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ร่วมสมัย สร้างความร่วมมือในองค์กร

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) และ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจ ความร่วมมือด้านทรัพยากรบุคคล และสร้างโอกาสการเรียนรู้ให้กับนักศึกษา โดยข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนกลยุทธ์เพื่อขยายความร่วมมือระหว่างกรุงศรีและพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และมองหาโอกาสในการขยายความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันในอนาคต

นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความร่วมมือเป็นพันธมิตรระหว่างทั้งสององค์กรในครั้งนี้จะใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของทั้งกรุงศรีและมหาวิทยาลัยกรุงเทพในการส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริงในโลกธุรกิจ เราทั้งสองจะร่วมกันพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ทั้งในเรื่องของนวัตกรรม การเติบโต และการเตรียมความพร้อมให้กับผู้นำธุรกิจรุ่นต่อไป”

ผศ.สรรเสริญ มิลินทสูต รองอธิการบดีอาวุโสด้านวิชาการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงศรี ธนาคารที่มีความสำเร็จมายาวนาน และมีความเชี่ยวชาญทางด้านการเงิน ที่จะนำความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญมามอบให้กับนักศึกษาเพื่อให้ได้เรียนรู้เชิงปฏิบัติการที่ไม่สามารถหาได้จากบทเรียน”

“นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้ยังเสริมสร้างความพร้อมของนักศึกษาของเรา ให้พร้อมตอบรับกับโลกธุรกิจจริงอีกด้วย” ผศ.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติม

ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวนี้ กรุงศรีและมหาวิทยาลัยกรุงเทพจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ายผ่านกิจกรรมการเรียนการสอน และการอบรมต่าง ๆ พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างกันในอนาคต ที่สำคัญยังส่งเสริมให้นักศึกษาที่มีศักยภาพได้มีโอกาสเรียนรู้และมีประสบการณ์จริงในโลกธุรกิจ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนออกสู่การทำงานจริงในอนาคต ขณะที่นักศึกษาที่มีศักยภาพและความสนใจสามารถเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเป็นพนักงานของกรุงศรีได้

ดร.วศิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านทรัพยากรบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กว่าวว่า “การผสานความเชี่ยวชาญของเราในครั้งนี้จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักศึกษา และยังเป็นการช่วยยกระดับทักษะในโลกธุรกิจสมัยใหม่ นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้ยังเปิดโอกาสให้กับนักศึกษาได้มีทางเลือกในการก้าวสู่โลกการทำงานจริงทั้งในประเทศและต่างประเทศ สอดคล้องกับการ ขยายธุรกิจของกรุงศรีในภูมิภาคอาเซียน”

ผศ.ดร. ดวงธิดา นันทาภิรัตน์ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า “ความร่วมมือนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยกรุงเทพในการจัดการศึกษาที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและการสร้างความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างวงการวิชาการและธุรกิจ เราตั้งตารอที่จะร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับกรุงศรีในการสร้างทางใหม่สำหรับการพัฒนานวัตกรรมและการเติบโต”

AXE (แอ๊กซ์) สเปรย์น้ำหอมระงับกลิ่นกายชั้นนำระดับโลก โดยบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ร่วมสร้างประสบการณ์แห่งความหอมระดับพรีเมียม ในงานเปิดตัว ใหม่! AXE Fine Fragrance Collection “หอมพรีเมียมเกินขั้น ติดทนนานเกินคาด” ที่จะมาเปลี่ยนทุก Experience ให้กลายเป็น AXEperience กับคอลเลคชันความหอมที่ร่วมคิดค้นโดยบริษัทน้ำหอมชื่อดังระดับโลก พร้อมร่วมกิจกรรมเสริมลุคเท่สุดคูล และร่วมพูดคุยเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และกลิ่นหอมชวนหลงใหล โดย ไปร์ท - บรม วิชญะเดชา จากแบรนด์ BOROM และนักแสดงหนุ่มสุดฮอต มาร์ช - จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล พร้อมรับชมคลิปวิดีโอสุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรกจาก “มาร์ค ต้วน” (Mark Tuan) AXE South-East Asia Presenter ที่ส่งตรงถึงแฟน ๆ ชาวไทย โดยมี คุณเชอรีน เฮง ผู้จัดการตลาดอาวุโสผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ให้การต้อนรับ ที่ The Glass House ปาร์คนายเลิศ

คุณวันวิสาข์ สุทธิบงกช ผู้จัดการตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ประเทศไทย บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า “AXE Fine Fragrance Collection เป็นผลิตภัณฑ์สเปรย์น้ำหอมระงับกลิ่นกายที่ได้รับการรังสรรค์จากนักออกแบบน้ำหอมชั้นนำระดับโลก มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “หอมพรีเมียมเกินขั้น ติดทนนานเกินคาด”  ซึ่งในครั้งนี้ AXE เพิ่มเงินลงทุนในส่วนของวัตถุดิบโดยการใช้น้ำหอมคุณภาพระดับ Fine Fragrance ที่การันตีด้วยรางวัล 2023 Grooming Awards จาก Esquire และ Best Cologne of 2023 จากนิตยสาร Men’s Health ในประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ผู้บริโภคได้ใช้น้ำหอมระดับพรีเมียม ติดทนนาน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่วงการสเปรย์น้ำหอมระงับกลิ่นกายสำหรับผู้ชาย มาพร้อมกับ 3 กลิ่นแนะนำ กลิ่น Blue Lavender หอมละมุน คลาสซี่ จากลาเวนเดอร์ มิ้นท์ และแอมเบอร์ เหมาะกับผู้ชายลุคเท่ สุดคูล มีความมั่นใจในตัวเอง กลิ่น Emerald Sage หอมคลีน มีสไตล์ จากเซจ ซีดาร์ และพัชชูลี่ เหมาะกับผู้ชายสายเนี๊ยบ สุดมินิมอล มีไลฟ์สไตล์เรียบง่าย แต่มีระดับ และกลิ่น Aqua Bergamot หอมคูล รีเฟรชชิ่ง จากเบอกาม็อท เซจ และจูนิเปอร์ เหมาะกับผู้ชายสายแอดเวนเจอร์ สุดแอคทีฟ ชื่นชอบในทำกิจกรรมทั้ง outdoor และ indoor นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพในการปกป้องกลิ่นกายนานถึง 72 ชั่วโมง มาพร้อม Zinc Complex Technology ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นกาย อีกทั้งน้ำหอมยังติดทนนานมากยิ่งขึ้น ช่วยให้รู้สึกหอมพรีเมียม สดชื่นมั่นใจได้ยาวนาน”

“และในปีนี้ AXE คว้าตัวศิลปินหนุ่มสุดฮอต “มาร์ค ต้วน” (Mark Tuan) มาร่วมเป็น AXE South-East Asia Presenter คนใหม่ล่าสุด ซึ่ง มาร์ค ต้วน มีคาแรกเตอร์และสไตล์ที่โดดเด่นในเรื่องแฟชั่นไลฟ์สไตล์การแต่งตัว และการดูแลตัวเอง ซึ่งตรงกับคาแรกเตอร์ของแบรนด์ AXE อย่างลงตัว และที่สำคัญ มาร์ค ต้วน ยังสามารถนำเสนอภาพลักษณ์ความพรีเมียมของ AXE Fine Fragrance Collection ผ่านตัวตนของเขาที่มีความมั่นใจ และคาริสม่าที่เกินต้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ AXE LOOK โดยโค้ชวี จาก The Image Signature Academy ที่จะมาช่วยให้ทุกท่านเสริมลุคสุดคูล ด้วยการหาสี หาโทนที่เข้ากับคุณ ต่อด้วยกิจกรรม AXE Fragrance test ที่ทุกท่านจะได้ทดลองผลิตภัณฑ์ AXE Fine Fragrance Collection ดมกลิ่นที่ใช่ หาสไตล์ที่ชอบ โดยมี AXE MEN คอยให้คำแนะนำตลอดกิจกรรม และร่วมเวิร์กชอป “Discover your fragrance” โดย Patchouli Scent Design ที่จะให้ทุกคนได้มา Find your scent – blend it yourself เป็นการทำ Diffuser workshop โดยน้ำหอมที่เรานำมาใช้ในการทำเวิร์กชอป เป็นน้ำหอมกลิ่นใหม่ที่มีโน้ตน้ำหอมในแต่ละกลิ่นของ AXE Fine Fragrance Collection ปิดท้ายด้วยการแลกเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เกี่ยวกับกลิ่น โดย ไปร์ท - บรม วิชญะเดชา จากแบรนด์ BOROM และนักแสดงหนุ่มสุดฮอต มาร์ช - จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล

ร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งความหอมระดับพรีเมียมกับ AXE Fine Fragrance Collection ได้ที่ ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven Tops Daily และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/AXEThailand 

Page 7 of 605
X

Right Click

No right click