บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ผสานความร่วมมือกับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เครือข่ายบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม ทั่วประเทศ ภาคีเครือข่ายสถาบันการศึกษา และ ภาคเอกชน ดำเนินโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่น หัตถศิลป์ไทย อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 จากจุดเริ่มต้นของโครงการ ในปี พ.ศ.2559 ภายใต้การทำงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการร่วมกันพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และรายได้ของชุมชนในชนบท โดยมี บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ผสานความร่วมมือกับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เครือข่ายบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม ทั่วประเทศ ภาคีเครือข่ายสถาบันการศึกษา ผลักดันให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าขาวม้าทอมือ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้และพัฒนาทักษะอาชีพให้กับชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทั่วประเทศ ที่ริเริ่มโครงการโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมี คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานคณะกรรมการ โครงการ ผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย ที่เป็นผู้ริเริ่มและหัวเรือหลักในการดำเนินงานมาตั้งแต่ต้น และเป็นผู้สนับสนุนหลักในโครงการเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้ชุมชนสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง สร้างความภาคภูมิใจในการสืบสาน และต่อยอดหัตถกรรมพื้นบ้านให้เกิดความยั่งยืน

คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และประธานคณะกรรมการโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย กล่าวว่า งาน “ผ้าขาวม้าวิถีไทย ทอใจอย่างยั่งยืน” ครั้งนี้นับเป็นการจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และในปีนี้มีความพิเศษกว่าปีก่อนๆ โดยกิจกรรมของเราได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงาน Sustainability Expo 2023 (SX 2023)  มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 กันยายน - 8 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นมหกรรมด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก”  โดยวัตถุประสงค์หลักของโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย และ “ผ้าขาวม้าวิถีไทย ทอใจอย่างยั่งยืน” คือการสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของผ้าขาวม้าในเชิงศิลปวัฒนธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เฟ้นหาอัตลักษณ์ของผ้าขาวม้าจากชุมชนต่างๆ และเสริมสร้างผ้าขาวม้าทอมือให้มีความโดดเด่นพร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าขาวม้าให้มีความหลากหลายและตรงต่อความต้องการของตลาดเพื่อสร้างอาชีพและเสริมสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน อีกทั้ง ยังเป็นการอนุรักษ์ มรดกทางวัฒนธรรม (Cultural Heritage) ที่มีคุณค่าจากฝีมือของมนุษย์ อาทิ การนำเส้นใยและสีธรรมชาติมาใช้กับการย้อมผ้าขาวม้า และการรวมพลังคนรุ่นใหม่ของ Creative Young Designer ให้มาร่วมสร้างสรรค์ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือกับกลุ่มนักศึกษา ซึ่งนอกจากต่อยอดความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า ของใช้ ของที่ระลึก ของชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือให้มีความทันสมัยแล้ว ยังมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาด้านการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมผ้าขาวม้าทอมือ เพิ่มศักยภาพ การผลิตและต่อยอดทางธุรกิจให้แก่ชุมชนผ้าขาวม้า ด้วยแนวคิดในการออกแบบใหม่ๆ ผ่านการดูแลและให้คำปรึกษา (Coaching) และทำงานร่วมกับชุมชนก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งวิถีชีวิต วัฒนธรรม ทั้งนี้ชุมชนจะได้รับผลิตภัณฑ์ต้นแบบนำไปต่อยอดด้านการตลาด รวมไปถึง  สโมรสรฟุตบอลหลายแห่งที่ได้ร่วมสนับสนุนนำผ้าขาวม้าทอมือมาประกอบเป็นสินค้าที่ระลึกของสโมสร ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจในชุมชนมีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ โครงการ ผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยมีส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าผ้าขาวม้าทอมือ จนสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนที่เข้าร่วมโครงการมาอย่างต่อเนื่อง โดยประสบความสำเร็จ ใน 5 มิติหลัก คือ 1) การสร้างรายได้ให้กับชุมชนผ้าขาวม้าทอมือ 2) การสร้างเครือข่ายภาควิชาการและภาคเอกชนที่พร้อมสนับสนุนชุมชนในการสั่งซื้อ ให้ความรู้เชิงธุรกิจ และการออกแบบ  3) การสร้างอัตลักษณ์ของชุมชน 4) การสานต่องานผลิตและแปรรูปผ้าขาวม้าสู่คนรุ่นใหม่ และ 5) การสร้างห่วงโซ่การผลิตผ้าขาวม้าทอมือที่เข้มแข็งมีความเกื้อกูลกันระหว่างชุมชน นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายเครือข่ายความร่วมมือ  จากจุดเริ่มต้นเพียง 2 ชุมชน 2 มหาวิทยาลัย ในปี 2562 ไปสู่ 18 ชุมชน 16 สถาบันการศึกษา

โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เครือข่ายทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจร่วมงานกันมาในโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา จะยังคงร่วมกันถักทอแรงบันดาลใจในการพัฒนาผ้าขาวไทยต่อไปในอนาคต ซึ่งจะไม่เป็นเพียงการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น แต่จะยังช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง และที่สำคัญที่สุดคือ คนในชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทุกแห่งมีความรักสามัคคีและภูมิใจในคุณค่าภูมิปัญญาของตนเองต่อไปอย่างยั่งยืน

“โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย” เป็นโครงการที่ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2559 ภายใต้การดำเนินงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ตลอดเวลา 7 ปีที่ผ่านมา โครงการนี้ได้รับความร่วมมืออันดียิ่งจากชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในการร่วมกันพัฒนาคุณภาพและการออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าทอมือให้มีความทันสมัย ตรงกับความต้องการของตลาด และยังเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป

สำหรับการจัดงาน “ผ้าขาวม้าวิถีไทย ทอใจอย่างยั่งยืน” ในปี 2566 ภายใต้แนวคิด Nature's Diversity สื่อใหเ้ห็นว่า ผ้าขาวม้าสามารถใสไ่ด้ทุกเพศและทุกวัย มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าขาวม้าทอมือของชุมชนให้ได้มีพื้นที่จัดแสดงโชว์ผลงาน แลกเปลี่ยนแนวความคิด และสร้างเครือข่ายการดำเนินงานร่วมกันของชุมชน /การแสดงแฟชั่นโชว์ชุดผ้าขาวม้าจากโครงการ Creative Young designers Season3 ออกสู่สายตาประชาชน /การจัดแสดงนิทรรศการโซน cultural heritage / โซนจัดแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้าของ 16 มหาวิทยาลัย 18 ชุมชน / กิจกรรมTalk หัวข้อ ผ้าขาวม้า มรดกภูมิปัญญาและการพัฒนาอย่างยั่งยืน / โซน Market Place ของ 12 ชุมชน และโซนกิจกรรม online บอกต่อความประทับใจ ถ่ายภาพและแชร์พร้อมบรรยายเชิญชวนเพื่อนมาเที่ยวงาน “ผ้าขาวม้าวิถีไทย ทอใจอย่างยั่งยืน” ภายใน Sustainability Expo 2023 (SX 2023) 

โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย สถาบันการศึกษาในเครือข่าย eisa และ ภาคีทุกภาคส่วน ที่ได้ให้ความสนับสนุนโครงการนี้มาตลอดระยะเวลา 7 ปี ส่งผลให้โครงการฯ สามารถดำเนินงานมาได้อย่างต่อเนื่อง และจะยังคงทำงานร่วมกับชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือต่อไป เพื่อให้สามารถบรรลุถึงเป้าประสงค์หลัก คือ การพัฒนาผ้าขาวม้าทอมือของไทยเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับชุมชนผู้ผลิตทั่วประเทศ

การตรวจวินิจฉัยรักษาได้ครอบคลุมทุกปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและตับอย่างแม่นยำตรงจุด

บิ๊กซีออนไลน์ 10.10 ลดเต็มสิบ ลดจริงไม่มีหลอก ต้อนรับเดือน Halloween กับโปรลดจริงไม่มีหลอก ด้วยสินค้าแบรนด์ดังที่มาให้เลือกสรรมากมายในราคาคุ้มสุด พร้อมจัดส่งฟรีทุกออเดอร์* นักช้อปทุกคนไม่ควรพลาด ตั้งแต่วันนี้ – 10 ตุลาคม 2566

ส่วนลดเต็มสิบ ลดจริงไม่มีหลอก

  • ช้อปก่อนลดก่อนโค้ดส่วนลด 215- พิเศษเฉพาะวันที่ 10 เดือน10 รับโค้ดส่วนลดแรง 280-
  • ส่วนลดจากแบรนด์ดัง อาทิเช่น มามี่โพโค, บรีส, คอลเกต, โก๋แก่, ซัมซุง และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย ให้เลือกช้อปเพลินในแต่ละวันตลอดรายการ
  • สินค้า Flash Sale ราคาพิเศษเฉพาะช่องทางบิ๊กซีออนไลน์เท่านั้น ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้าภายในบ้านและของกินของใช้
  • รับส่วนลดเพิ่มอีกทันทีทุกยอดการใช้จ่ายสูงสุด 7% เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตบิ๊กซี เวิลด์ มาสเตอร์การ์ด และบัตรเครดิตบิ๊กซี แพลทินัม วีซ่า การ์ด

อย่าลืมเข้ามาเลือกชมและช้อปสินค้าได้ที่ www.bigc.co.th, แอปบิ๊กซี พลัส หรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ ได้แก่ Shopee , Lazada , Foodpanda และ GrabMart


* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

พร้อมส่งมอบ “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” ต่อเนื่องปีที่ 24 มากกว่าความอบอุ่น คือสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน

บิ๊กซี จัดโปรโมชั่นต้อนรับเทศกาลกินเจ ร่วมกับดีน่า ผ่านแคมเปญ เจนี้ ที่บิ๊กซี กับดีน่า พาอิ่มบุญ” คัดสรรผลิตภัณฑ์เจ พร้อมจัดโปรโมชั่นลดสูงสุด  15% ที่บิ๊กซี ตั้งแต่วันนี้ - 25 ต.ค. 66

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่ทำการ สำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา แห่งใหม่ โดยมี นายสยาม  ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ และมีนายสรายุทธ อุดมพร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครราชสีมา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสื่อมวลชนร่วมงานและแสดงความยินดี 

เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่าเหตุที่มีการย้ายสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา มายังที่ทำการแห่งใหม่ เนื่องจากอาคารเดิมเป็นอาคารเช่า มีความชำรุด สภาพไม่พร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ จึงได้มอบนโยบายให้ไปหาที่ทำการแห่งใหม่ จนทำให้สามารถไปจัดซื้ออาคารเพื่อเป็นที่ทำการแห่งใหม่ เป็นอาคาร 3 ชั้นครึ่งพร้อมที่ดิน มีเนื้อที่ใช้สอย 473 ตารางเมตร ซึ่งเพียงพอและเหมาะสมสำหรับการปฏิบัติงานที่เป็นสัดส่วน จึงได้มีการปรับปรุงพื้นที่เป็นที่ทำการแห่งใหม่ ซึ่งมีห้องพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ห้องไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ศูนย์สอบนายหน้าประกันภัย และห้องประชุม ทั้งนี้ เพื่อรองรับข้อพิพาทด้านประกันภัย ตลอดจนภารกิจของสำนักงานฯ และการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนผู้เอาประกันภัย และผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่มาติดต่อขอรับบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานในการให้บริการมากยิ่งขึ้น

     

ในการปฏิบัติงานของสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา แห่งใหม่นี้ จะนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ มีระบบฐานข้อมูลด้านการประกันภัย โดยสำนักงาน คปภ. ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ อันจะเป็นประโยชน์และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายในการพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นการเพิ่มศักยภาพของพนักงาน ลดต้นทุนและลดระยะเวลาในการปฏิบัติงาน เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจมากขึ้น อันจะสร้างความเชื่อมั่นในระบบประกันภัยและภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร

สำหรับข้อมูลธุรกิจประกันภัยของจังหวัดภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) พบว่าในปี 2565 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 40,364.46 ล้านบาท แบ่งเป็นประกันชีวิต 27,456.10 ล้านบาท เบี้ยประกันวินาศภัย 12,908.36 ล้านบาท อัตราการถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตและอัตราการถือครองกรมธรรม์ประกันวินาศภัยต่อประชากรของสำนักงาน คปภ. จังหวัดภายใต้การกำกับอยู่ที่ร้อยละ 26.52 และร้อยละ 31.99 ตามลำดับ และอัตราการขยายตัวของธุรกิจประกันภัยภายใต้การกำกับของสำนักงาน คปภ.ภาค 4 (นครราชสีมา) ปี 2565 มีการขยายตัวเพิ่มจากปี 2564 กว่าร้อยละ 5.87 ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่

ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมา ปี 2565 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 16,895.55 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.26 เมื่อเทียบกับปี 2564 แบ่งออกเป็นเบี้ยประกันชีวิตกว่า 11,511.75 ล้านบาท เบี้ยประกันวินาศภัยกว่า 5,383.80 ล้านบาท อัตราการถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตและอัตราการถือครองกรมธรรม์ประกันวินาศภัย อยู่ที่ร้อยละ 25.97 และร้อยละ 33.53 มีสาขาบริษัท สำนักงานตัวแทนและนายหน้าประกันภัย 72 แห่ง มีตัวแทนและนายหน้าประกันภัยบุคคลธรรมดา จำนวน 27,921 ราย มีธนาคารพาณิชย์ 204 แห่ง จะเห็นได้ว่าภาพรวมของธุรกิจประกันภัยจังหวัดนครราชสีมา มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัวอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 แต่ธุรกิจประกันภัยมีบทบาทสำคัญและช่วยเสริมศักยภาพรวมถึงเพิ่มขีดความสามารถให้กับภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการ รวมทั้งสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพของประชาชนได้อย่างยั่งยืน

ด้านนายสยาม  ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สำนักงาน คปภ. ถือเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญอย่างยิ่งในการกำกับ ส่งเสริมพัฒนาธุรกิจประกันภัยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยให้กับประชาชน ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน คปภ. ที่ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ประสบภัยกรณีเกิดอุบัติภัยรายใหญ่ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการติดตามการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงทีและเป็นธรรม ตลอดจนผลักดันให้ระบบประกันภัยเข้าไปบริหารความเสี่ยงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกระดับ ให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบประกันภัยได้อย่างทั่วถึง เช่น โครงการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ (การประกันอัคคีภัยสำหรับศาสนสถาน) จึงเชื่อว่าการเปิดสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมาแห่งใหม่ และเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีให้สำนักงานแห่งนี้จะช่วยให้การติดตามบริษัทประกันภัยให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนได้มากขึ้น รวมทั้งส่งผลในการพัฒนาจังหวัดนครราชสีมาได้อย่างดียิ่ง

“การเปิดที่ทำการใหม่ของสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา และการนำเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ผู้เอาประกันภัย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ได้รับบริการที่ดี และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้ใช้บริการด้านการประกันภัย รวมทั้งพนักงานผู้ปฏิบัติงานในสังกัดจะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งผมได้มอบนโยบายการดำเนินงานเชิงรุก โดยให้สำนักงาน คปภ. ให้ความสำคัญในเรื่องการให้บริการประชาชน ทั้งในด้านการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัยที่ถูกต้อง รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและศรัทธาในระบบประกันภัยยิ่งขึ้น” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับงาน Pet Fair South East Asia 2023 (เพ็ท แฟร์ เซาท์ อีสต์ เอเชีย)

นิว บาลานซ์ แบรนด์ผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลก เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้การบริหารงานของผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรายใหม่ บริษัท แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา จํากัด โดยแฟลกชิปสโตร์ของนิว บาลานซ์ แห่งแรกซึ่งตั้งอยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์การค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ นำเสนอคอนเซ็ปต์ใหม่ของพื้นที่ที่พร้อมต้อนรับทุกคนด้วยความสดใหม่ เติมเต็มทั้งความสนุกสนานและการเข้าถึงได้ง่ายสำหรับลูกค้าผู้หลงใหลในผลิตภัณฑ์สปอร์ตแฟชั่นโดยเฉพาะ

แฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ของนิว บาลานซ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 233 ตารางเมตรภายในเซ็นทรัลเวิลด์ นำเสนอคอนเซ็ปต์การออกแบบและตกแต่งร้านแบบ “Flex” ซึ่งหมายความถึงความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนการตกแต่งเพื่อนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้ง่ายและบ่อยเท่าที่ต้องการ โดยมีผนังและอุปกรณ์ติดตั้งอเนกประสงค์ที่สามารถถอดปลี่ยนได้ พร้อมทั้งมีการจัด Energy Zone เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลต์หรือแคมเปญพิเศษในแต่ละช่วงเวลา นอกจากนี้ยังมีโซฟาขนาดใหญ่ให้ลูกค้าสามารถนั่งรอเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวลองสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย แฟลกชิปสโตร์แห่งนี้ยังนับว่าเป็นร้านนิว บาลานซ์ สาขาใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่พร้อมสร้างภาพลักษณ์ของวัฒนธรรมสปอร์ตแฟชั่นจากนิว บาลานซ์ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นและยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งด้วยคอลเลกชันคัดสรรสุดพิเศษจากนิว บาลานซ์ ที่มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอลเลกชัน MADE U.S. เสื้อผ้าไลฟ์สไตล์ รองเท้าผ้าใบ และชุดกีฬา

มร.ดีพัค โทมา ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา จำกัด กล่าวว่า “ความนิยมของนิว บาลานซ์ ในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจอย่างสูงจากลูกค้าที่ชื่นชอบทั้งแฟชั่นแนวสตรีทและสปอร์ตแฟชั่น การเปิดร้านแฟลกชิปแห่งแรกของนิว บาลานซ์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นโลเคชันที่ถือว่าอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่สำคัญบนเส้นทางของการเชื่อมต่อกับลูกค้าของเรา พร้อมทั้งยังเป็นการนำเสนอช่องทางใหม่ ให้พวกเขาได้เข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ที่ใกล้ชิดกับผลิตภัณฑ์ของนิว บาลานซ์ มากขึ้น ซึ่งผมมั่นใจว่าร้านแฟลกชิปแห่งใหม่นี้จะเป็นหมุดหมายสำคัญของการนำเสนอแบรนด์นิว บาลานซ์ และมอบประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”

การเปิดตัวร้านแฟลกชิปแห่งใหม่นี้ นิว บาลานซ์ ตั้งเป้าหมายที่จะขยายการเติบโตของผลิตภัณฑ์ในหมวด Performance Running ผ่านแคมเปญ “RUN YOUR WAY” ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ระดับสากลที่ใช้กันทั่วโลก (global key message) เพื่อเฉลิมฉลองตัวตนที่เป็นตัวของตัวเองของทุกคน ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘หากคุณออกวิ่ง คุณก็คือนักวิ่ง' (if you run, you are a runner.)

นิว บาลานซ์ ยังเผยธีมของแบรนด์ที่ว่า “วัฒนธรรมกีฬาคืออัตลักษณ์ของเรา” (Sport culture is our identity) ซึ่งเป็นธีมที่อยู่ตรงกลางระหว่างวัฒนธรรมกีฬาและวัฒนธรรมรองเท้าผ้าใบ โดยบอกเล่าผ่านเรื่องราวของนักกีฬาในหลากหลายประเภทกีฬา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของนักเทนนิส “โคโค่ กอล์ฟ”, นักกีฬาโอลิมปิก “ซิดนีย์ แมคลาฟลิน”, นักบาสเกตบอล “คาเมรอน บริงค์” และนักเบสบอล “โชเฮอิ โอทานิ” พร้อมยังคงรักษาโมเมนตัมกับสุดยอดผู้เชี่ยวชาญโมเดล Craftmanship ที่เพิ่มมูลค่าให้กับ   แบรนด์

นอกจากนี้ นิว บาลานซ์ ยังได้พัฒนารองเท้าวิ่งที่ดีที่สุด 2 รุ่น ได้แก่ “Fresh Foam X” ที่มาพร้อมคุณสมบัติเด่นของการรองรับแรงกระแทกได้อย่างดีที่สุด จึงเหมาะสำหรับการสวมใส่เพื่อการวิ่งในทุกระยะทาง ในขณะที่รุ่น “FuelCell” เหมาะสำหรับนักกีฬาที่ต้องการเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนเรื่องความเร็วและตอบสนองต่อการส่งพลังงานกลับในทุกท่วงท่า

นิว บาลานซ์ ยังมีบทบาทที่โดดเด่นในตลาดรองเท้าในฐานะผู้นำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์คลาสสิกผ่านซีรีส์รองเท้าที่ตอบสนองความต้องการตามลำดับความสำคัญ นำโดยรุ่น MADE U.S., 1906, 550, 2002R และรุ่นอื่น ๆ อาทิ 327 และ 574 classic ฯลฯ

แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา วางเป้าหมายที่จะเปิดร้านสาขาแบบสแตนด์อโลนของนิว บาลานซ์ จำนวน 8 สาขาในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2566 สอดคล้องไปกับกลยุทธ์การเติบโตของนิว บาลานซ์ ที่ต้องการก้าวเข้ามาเป็นผู้นำในตลาดด้วยร้านค้าแบบสแตนด์อโลน 30-35 แห่งภายในปี 2568 และร้านแบบช็อปอินช็อปภายในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ อีกมากกว่า 100 แห่ง นอกจากนี้ คอนเซ็ปต์การนำเสนอร้านแฟลกชิปแห่งใหม่นี้ยังจะถูกจำลองไปใช้ในร้านสาขาอื่น ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นทั่วประเทศในปีต่อ ๆ ไป โดยบริษัทฯ ยังมีแผนจะเปิดตัวเว็บไซต์ New Balance Thailand ในเดือนธันวาคม 2566 เพื่อยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ให้กับผู้บริโภคในประเทศไทยมากขึ้นด้วย

พบกับ “New Balance Flagship Store” แห่งใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 3 โซนเอเทรียม สำหรับข่าวสารล่าสุดและข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ เพจเฟซบุ๊คของนิว บาลานซ์ ประเทศไทย “New Balance TH"

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ส่งทีมสำรวจภัย TIP Smart Assist และ หน่วยหนุมานทิพยจิตอาสา ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมหลังเกิดฝนตกหนักส่งผลให้ภาคเหนือและภาคอีสานได้รับผลกระทบ มีน้ำท่วมขัง ดินสไลด์บางพื้นที่ น้ำป่าไหลหลาก ถนนถูกตัดขาดหลายสาย  มีผลกระทบครอบคลุมบริเวณภาคเหนือ คือ  แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ตาก ลำปาง และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ทางทีมฯ ได้ลงพื้นที่ จ. ลำปาง เป็นพื้นที่แรกเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยมอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม พร้อมจัดบริการรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถออกจากพื้นที่น้ำท่วมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าและประชาชน  สำหรับท่านใดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือมาที่สายด่วน 1736 กด1

โครงการ “ TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง” โดยบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) สนามที่ 2  

X

Right Click

No right click