หัวเว่ยประกาศความพร้อมสนับสนุนประเทศไทยในการก้าวสู่เมืองอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ

ชวนคณะแพทย์จีน-ไทย แลกเปลี่ยนความรู้ ตอกย้ำการเป็นฟิลเลอร์ระดับโลก

ตอกย้ำเป้าหมายมุ่งสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้ลูกค้าผ่านดิจิทัลโซลูชัน

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ตอกย้ำความคุ้มค่าของการเป็นลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี ทีทีบี ด้วยข้อเสนอสุดคุ้มโค้งสุดท้ายของปีแบบดีเวอรรร์ ทั้งการซื้อประกันและกองทุน เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีประจำปี 2566 กับแคมเปญพิเศษเพิ่มสิทธิประโยชน์ทั้งเครดิตเงินคืนและรับหน่วยลงทุนเมื่อลงทุนตามที่ธนาคารกำหนด

นางสาวนันทพร ตั้งเจริญศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารความสัมพันธ์และประสบการณ์ลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะดูแลลูกค้าบัญชีเงินเดือน ทีทีบี ให้ได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งอัตราดอกเบี้ยพิเศษของผลิตภัณฑ์เงินฝากและสินเชื่อ รวมทั้งกิจกรรมการตลาดที่มีตลอดทั้งปี ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในภาพรวมมีผู้เข้าร่วมแคมเปญทั้งหมดในปีนี้เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน

สำหรับช่วงเวลาสองเดือนสุดท้ายของปี เป็นช่วงของการเก็บตกสิทธิประโยชน์เพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษีจากการซื้อประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันบำนาญ กองทุนทั้ง SSF และ RMF ซึ่งทีทีบีได้จัดแคมเปญพิเศษขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ที่คุ้มกว่าสำหรับลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี ทีทีบี ตอกย้ำความคุ้มค่าที่ได้มากกว่าบัญชีเงินเดือนทั่วไป โดยเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 28 ธันวาคม 2566 รับสิทธิประโยชน์เพื่อลดหย่อนภาษี ปี 2566 ดีเวอรรร์

  1. รับเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝาก ทีทีบี สูงสุด 32% เมื่อสมัครซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต พรูเด็นเชียล ที่ร่วมรายการ พร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มอีก 3 คุ้ม ได้แก่ 1) รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% หรือคะแนนสะสม ttb rewards plus สูงสุด x10 และแบ่งชำระเบี้ยประกัน 0% นาน 6 เดือน เมื่อชำระด้วยบัตรเครดิต ทีทีบี 2) รับบัตรกำนัลจากเครือ BDMS สูงสุด 7,500 บาท เมื่อสมัครประกันชีวิตที่ร่วมรายการ และ 3) รับดอกเบี้ยเงินฝากอัตราพิเศษ สูงสุด 25% ต่อปี เมื่อสมัครประกันชีวิตที่ร่วมรายการ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและรายชื่อประกันชีวิตที่ร่วมรายการ ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/ba-tax-festival-2023
  2. รับหน่วยลงทุนเพิ่มในกองทุนรวมตราสารตลาดเงิน (Money Market) จำนวน 100 บาท เมื่อลูกค้าลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีทุก ๆ 50,000 บาท ในกองทุนที่ร่วมรายการ กับโพยกองทุนเด็ด SSF ที่จะช่วยให้การลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องง่าย เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีและลดหย่อนภาษี โดยทีทีบีได้คัดกองทุนเด็ดและจัดตามระดับความเสี่ยงมาให้แล้ว อาทิ กองทุน UOBSD-SSF, UESG-SSF / UESG-SSF-D, T-ES-GCG-SSF, T-ES-GTECH-SSF, UEV-SSF, ttb smart port-SSF นอกจากนี้ยังมีโพยกองเด็ด RMF ที่เหมาะกับการลงทุนระยาวยาว เพื่อวางแผนเกษียณ อาทิ TMBGRMF, TMBGINCOMERMF, TMBGQGRMF, T-ES-GCG-RMF, TMB-ES-VIETNAM-RMF ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและรายชื่อกองทุนเด็ดที่ทีทีบีคัดมาให้แล้ว ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/rmf-ssf-2023 

“ทีทีบี เข้าใจความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าจากการลงทุน และช่วงเวลาโค้งสุดท้ายของปีในการลงทุนเพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษี โดยทีทีบีได้คัดสรรกองทุนที่มีผลประกอบการดีและเหมาะกับความเสี่ยงที่รับได้ หรือประกันที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ซึ่งทีทีบีพร้อมส่งเสริมสร้างวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความมุ่งมั่นของธนาคารที่จะทำให้ลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี ทีทีบี มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้าน ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง และนำเสนอแคมเปญพิเศษเพื่อลูกค้าบัญชีเงินเดือน ทีทีบี อย่างต่อเนื่อง” นางสาวนันทพร สรุป

รายละเอียดและสิทธิประโยชน์สำหรับพนักงานที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี ทีทีบี ที่สนใจวางแผนลดหย่อนภาษี สามารถอ่านเพิ่มเติม ได้ที่ ttps://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/ba-tax-festival-2023 หรือสอบถามข้อมูลที่ ทีทีบี ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ttb contact center 1428

กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง นำโดย นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร (กลาง) ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล นางสาวกนกวรรณ ศุภนันตฤกษ์ (ซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเครือข่ายการขาย และนายวิน พรหมแพทย์, CFA (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ รับรางวัล ‘LAUNCH OF THE YEAR’ จากเวที Private Banker International Global Wealth Awards 2023 ซึ่งเกิดจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันด้านการลงทุนเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (Ultra High Net Worth) อาทิ บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ การลงทุนตรงในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนรวมต่างประเทศ หุ้นต่างประเทศ และพันธบัตรต่างประเทศ รวมทั้งหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ Structured Notes ที่ออกในสกุลดอลล่าร์ เป็นต้น โดยในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้นนอกตลาด (Private Equity) ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดีด้วยอัตราผลตอบแทนที่โดดเด่น ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่การเป็น Investment Wealth Advisory Bank หรือธนาคารที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการคำแนะนำการลงทุนอย่างแท้จริง

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ร่วมกับ สถาบัน ChangeFusion จัดงาน Impact Day 2023: Where Tourism Meets Social Good กิจการเพื่อสังคมเชื่อมโยงชุมชนและท่องเที่ยวไทย” เปิดโอกาสให้กิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE) ที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวได้ขยายตลาด เปิดบูธแนะนำสินค้าและบริการ ณ ใจกลางสยามสแควร์ พร้อมจัดกิจกรรมไฮไลท์ เช่น เวทีเสวนาอนาคตธุรกิจเพื่อสังคมและ SE Ecosystem ของไทย การพบปะแลกเปลี่ยนแนวคิดของผู้ประกอบการกิจการเพื่อสังคม และการออกบูธสินค้างานคราฟต์ ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว จากกว่า 20กิจการเพื่อสังคมภายใต้โครงการพลังเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม หรือ Banpu Champions for Change (BC4C) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและขยาย SE Ecosystem ของไทยให้เติบโต สามารถสร้างผลกระทบทางบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม

นายรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสายอาวุโส-สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ตลอด 12 ปีของโครงการ พลังเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม (Banpu Champions for Change: BC4C) เราได้สนับสนุนกิจการเพื่อสังคมประมาณ 130 กิจการให้มีโอกาสทดลองดำเนินธุรกิจ ตามแนวคิดและความสนใจของตนเอง ซึ่งกิจการของ SE เหล่านี้ได้สร้างประโยชน์ให้กับคนกว่า 2.5 ล้านคน สำหรับงาน Impact Day ถือเป็นอีเวนต์สำคัญปลายปีของ BC4C ที่เปิดโอกาสให้ SE ได้พบลูกค้าตัวจริง ได้ฟังฟีดแบค (Feedback) และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงยิ่งขึ้น โดยปีนี้เราชูประเด็นความเกี่ยวโยงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนกับกิจการเพื่อสังคม โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่เป็น High Season จึงอยากส่งเสริม เทรนด์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เปลี่ยนการท่องเที่ยวธรรมดาให้สามารถส่งต่อชีวิตชีวาและคุณค่าให้กับชุมชนและสังคมได้”

โดยภายในงานประกอบไปด้วยกิจกรรมไฮไลท์ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • Talk Session: “อนาคตธุรกิจเพื่อสังคมและ SE Ecosystem ของไทย” ร่วมฉายภาพและชี้เทรนด์อนาคตของการผลักดันธุรกิจเพื่อสังคมไทยให้เติบโต โดย นายรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการ
    สายอาวุโส-สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายสุนิตย์ เชรษฐา ผู้อำนวยการสถาบัน ChangeFusion พร้อมด้วยเหล่าผู้คร่ำหวอดในวงการกิจการเพื่อสังคม ได้แก่ ดร.วรวิทย์
    จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม และนายสมศักดิ์ บุญคำ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด (Local Alike)
  • SE Market: เปิดตลาดช็อปฯ Package ท่องเที่ยวและสินค้างานฝีมือสุดชิคจาก SE ไทย ทั่วประเทศกว่า 20 ร้านค้า
  • มินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน “อะตอม – ชนกันต์”

นอกจากนี้ ภายในงานได้ประกาศผล 3 กิจการเพื่อสังคมระยะเริ่มต้น (Incubation Program) ที่คว้ารางวัลชนะเลิศและทุนสนับสนุนเพื่อต่อยอดธุรกิจทีมละ 250,000 บาท จากโครงการ BC4C ในรุ่นที่ 12 โดยเกณฑ์การคัดเลือกผู้ชนะจะพิจารณาจากโมเดลธุรกิจที่มีแนวทางการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ มีตัวชี้วัดการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง 3 กิจการที่ชนะเลิศในปีนี้ (โดยไม่เรียงลำดับ) ได้แก่

  • คีรีฟาร์ม (Khiri Farm) ธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จาก ‘ฟางข้าว’ หลังฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อปลูกเห็ด และต่อยอดสู่แพลตฟอร์มการเรียนรู้ ‘เห็ดก้อน’ ที่สร้างรายได้ให้ทั้งธุรกิจ ชุมชน และเป็นกิจกรรมให้ผู้สูงวัย
  • เติมน้ำ (Termnaam) ธุรกิจ ‘ผงล้างจาน’ ไร้สารเคมีตกค้าง สะดวกต่อการพกพาสำหรับนักเดินทาง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • พื้นที่ปลอดภัยเรื่องเพศในวัยรุ่น (Sex-O-Phone) แพลตฟอร์มให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและความสงสัยของวัยรุ่นเรื่องเพศ และลด ‘ภาวะท้องไม่พร้อม’ ในวัยเรียน

ด้าน นายสุนิตย์ เชรษฐา ผู้อำนวยการสถาบัน ChangeFusion องค์กรไม่แสวงผลกำไรภายใต้มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยว่า “เราเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ จะมีผู้ประกอบการ SE เพิ่มขึ้นจากเทรนด์ธุรกิจเพื่อความยั่งยืนที่กำลังมาแรง ดังนั้น เพื่อให้ SE ที่เกิดขึ้นใหม่สามารถเติบโตขึ้นต่อไปได้ ในโครงการ BC4C เราจึงเน้นย้ำถึงหลักการทำธุรกิจเพื่อสังคม 3 ข้อเป็นสำคัญ ได้แก่ การมี Passion คือต้องมีความมุ่งมั่น การรู้จัก Marketplace ธุรกิจต้องสอดรับกับความต้องการของตลาด และที่สำคัญคือการมี SE Ecosystem หรือระบบนิเวศของกิจการเพื่อสังคมเพื่อสนับสนุนเกื้อกูลกัน โดย SE จำเป็นต้องอาศัยเงินจากนักลงทุน บวกกับคำแนะนำจากผู้คร่ำหวอดในวงการตัวจริงที่จะคอยแบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และสำคัญที่สุดคือการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งในด้านเงินทุน และการอำนวยความสะดวกด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะทำให้กิจการเพื่อสังคมของไทยสามารถเจริญเติบโตทัดเทียมกับกิจการเพื่อสังคมของประเทศอื่นๆ ได้”

ประกาศจุดยืนซักที่นี่ ดีต่อโลก ดันธุรกิจสะดวกซักโตแรงน่าลงทุน

สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TIHTA) ผนึกกำลัง บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) เปิดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023’ อย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในงานพร้อมจัดแสดงสินค้า-นวัตกรรม เปิดเวทีสัมมนาและเจรจาธุรกิจกัญชงระดับนานาชาติเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมกัญชงของเอเชีย ผลักดันให้อุตสาหกรรมกัญชงไทยเติบโตด้วยแนวคิด ‘Growing Hemp Industries Together’ สู่พืชเศรษฐกิจแห่งความยั่งยืนสอดคล้องบริบทโลก โดยเชื่อมั่นว่างานนี้จะสร้างมูลค่าเงินภายในงานสูงถึง 8,000 ล้านบาท ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานมากถึง 10,000 คน ตลอดการจัดงาน 4 วันเต็ม

นายพรชัย ปัทมินทร นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย เปิดเผยว่า ในนามสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย ในปี 2566 สมาคมฯได้เชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมในหลายมิติทั้งทางด้านการพัฒนานวัตกรรมองค์ความรู้ ด้านการตลาดที่สร้างความตื่นตัวทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสินค้าและบริการในกลุ่มสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมขยายตัวเพิ่มขึ้น คาดว่ามีมูลค่าสูงถึง 16 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2040 โดยพืชกัญชงในอุตสาหกรรมสีเขียว อาทิ วัตถุดิบเส้นใยหรือไฟเบอร์ ถูกนำมาพัฒนาในลักษณะของวัสดุทดแทน ช่วยลดเรื่องการใช้พลังงาน เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ของการสร้างวัสดุน้ำหนักเบาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันมีความเหนียว ทนทาน สามารถต่อยอดเป็นวัสดุคอมโพสิทจากธรรมชาติ Natural-Fibre Composites (NFC) ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีศักยภาพในการทดแทนเส้นใยสังเคราะห์ได้ ทำให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืนตามเทรนด์เศรษฐกิจโลก จากนโยบายร่วมของระดับสากลที่เน้นเรื่อง sustainable development goals หรือการมุ่งสู่ความยั่งยืนทางทรัพยากรและธุรกิจ

ขณะที่ด้านสุขภาพมีการเติบโตในอัตราเร่งอย่างมีนัยสำคัญในช่วงระยะ 5 ปีถัดไปนับจากนี้ โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจ Healthcare ที่ขยายตัวสอดรับการเปลี่ยนแปลงในหลายประเทศที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือกลุ่มที่มีอาการป่วยที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ การนอน ปวดเมื่อย เครียด วิตกกังวล เป็นต้น โดยกลุ่มดังกล่าวมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในประเทศไทยพบผู้ที่มีปัญหาการนอนไม่หลับกว่า 21 ล้านคน และทั่วโลกมากถึง 2,000 ล้านคน มูลค่าตลาดกลุ่มผู้ที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพการนอนทั่วโลกในปี 2567 คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตถึง 585,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสารสำคัญ CBD และ THC มีคุณสมบัติในการนำมาใช้ได้ตรงและเห็นผล จึงเกิดการพัฒนาในการนำมาใช้รักษาและใช้ในรูปแบบอาหารเสริมมากขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมสุขภาพ ทำให้ประเมินได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตและเป็นโอกาสอย่างยิ่งของประเทศไทย

“ผมมองว่าอุตสาหกรรมกัญชงยังมีโอกาสอีกมากจากการปรับตัวของหลากหลายอุตสาหกรรม ฉะนั้นเมื่อมีโอกาสการเตรียมความพร้อมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะโอกาสเหล่านี้ก็มาพร้อมความท้าทายเช่นกัน ซึ่งอุตสาหกรรมกัญชงในแต่ละประเทศยังคงมีโจทย์ความท้าทายที่แตกต่างกัน สำหรับภาพรวมของประเทศไทยถือว่ามีความแข็งแรงในศักยภาพด้านการผลิต การพัฒนาที่ต่อเนื่อง กฎระเบียบที่เปิดกว้างมากกว่าหลายๆประเทศในภูมิภาค และจากระยะเวลาที่ผ่านมาที่ทางสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทยได้เชื่อมโยงพันธมิตรหลายๆประเทศชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางกัญชงของภูมิภาคเอเชียได้ เพียงแต่ต้องมีการสร้างมาตรฐาน คุณภาพ ความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมกัญชงไทยและเติบโตได้ในเวทีโลกครับ” คุณพรชัย กล่าว

นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) เปิดเผยว่า Asia International Hemp Expo and Forum 2023 ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Growing Hemp Industries Together’ เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมกัญชงไทยเติบโตด้วยมาตรฐานไปพร้อมกันกับเวทีโลก ในภาคอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ โดยเพิ่มพื้นที่การจัดงานมากกว่า 30% จากปีก่อน รองรับการจัดแสดงสินค้า เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านกัญชงในระดับอุตสาหกรรมตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนถึงปลายน้ำใน 14 กลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ใน Application ด้านต่างๆ ที่มีมาตรฐานสูงขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมพัฒนาสู่การทำการตลาด รวมถึงความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตของภูมิภาค

สำหรับไฮไลท์ในงาน ได้จัดให้มีส่วนการแสดงพิเศษ ‘Hemp for Living’ ผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์จากวัตถุดิบกัญชง เพื่อเพิ่มมูลค่าด้วยงานดีไซน์จากนักออกแบบระดับชาติ, การเปิดเวทีจับคู่พันธมิตรการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ, การจัดสัมมนาระดับชาติที่รวบรวมวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในแวดวงกัญชงกว่า 40 ท่านจาก 15 ประเทศ ร่วมวงเสวนาในหัวข้อที่สำคัญภายใต้แนวคิด Hemp For Change บริบทของกัญชงในการปรับและเปลี่ยน เพื่อโอกาสและนวัตกรรม สำหรับชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า พร้อมด้วยการส่งเสริมรูปแบบเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน BCG

ทั้งนี้การจัดงาน Asia International Hemp Expo & Forum 2023 จะจัดขึ้นทั้งหมด 4 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะเป็นการจัดงานที่ครบครันที่สุดของอุตสาหกรรมกัญชงในภูมิภาคเอเชีย และด้วยงานนี้เป็นงานที่บรรจุในปฏิทินงานแสดงสินค้าของโลก ที่นักอุตสาหกรรมวางแผนการเดินทางเพื่อเข้าร่วมและเจรจาหาวัตถุดิบ และพันธมิตรทางธุรกิจ โดยคาดว่าจะมีผู้ชมที่สนใจเข้าร่วมชมงานทั่วโลกกว่า 80 ชาติทั่วโลก หรือประมาณ 10,000 คน และสร้างมูลค่าเงินภายในงานสูงถึง 8,000 ล้านบาท

เชิญชวนร่วมกิจกรรมความรู้คู่ความสนุกชิงรางวัลทุนการศึกษากว่า 150,000 บาท

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดยนายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง เข้าร่วมแสดงความยินดีกับนายชูฉัตร ประมูลผล ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในโอกาสนี้ เอไอเอได้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการประสานความร่วมมือกับสำนักงาน คปภ. เพื่อพัฒนาธุรกิจประกันชีวิตและยกระดับตัวแทนประกันชีวิตในประเทศไทยให้ก้าวหน้าต่อไป ด้วยความตั้งใจมอบประสบการณ์ทั้งในด้านการบริการ ผลิตภัณฑ์ และการดูแลที่ดีเยี่ยมให้แก่คนไทยทั่วประเทศ ตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ “Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”

X

Right Click

No right click